“ไทยสร้างไทย” เจ้าภาพจัดดินเนอร์พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไร้เงา “สส.ปูอัด-ไทยก้าวหน้า” ร่วมวง ด้านมติ 5 พรรคร่วม เคาะยื่นญัตติอภิปรายซักฟอก 27 ก.พ. นี้ โวพรรคร่วมมีข้อมูลเข้ม ทำรัฐบาลกระเทือนแน่ เตรียมเจรจา “วิปรัฐบาล” ขอเวลา 5 วันอภิปราย ชี้รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ตรวจสอบ

วันที่ 7 ก.พ. 2568 ที่พรรคไทยสร้างไทย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 5 พรรค “พรรคประชาชน-พลังประชารัฐ-ไทยสร้างไทย-เป็นธรรม-เสรีรวมไทย” ร่วมประชุมหารือถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมแถลงข่าวและร่วมวงดินเนอร์ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นที่ทำการพรรคแห่งใหม่ย่านดอนเมือง ถนนเทิดราชัน

โดยแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ร่วมประชุมในวันนี้ พรรคประชาชน นำโดยนายณัฐพงษ์ แล้วยังมีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน, และ สส. พรรคประชาชน เช่น นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อ และนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. ดอนเมือง

พรรคไทยสร้างไทย ในฐานะเจ้าภาพนำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายโภคิน พลกุล, นายชวลิต วิชยสุทธิ์, ชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรค ส่วนพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค, หม่อมกรกสิวัฒน์ เกษมศรี, และพรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง สส. บัญชีรายชื่อ

นอกจากนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิสุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้มาร่วมประชุมและยื่นหนังสือ พร้อมเอกสารหลักฐานให้พรรคการเมืองฝ่ายค้านนำไปประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคดีชั้น 14 เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในวันนี้ไม่พบการปรากฏตัวของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตร สส.พรรคไทยก้าวหน้า หนึ่งในพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานดินเนอร์พรรคการเมืองฝ่ายค้านมาแล้ว

สำหรับอาหารที่จัดเลี้ยงพรรคการเมืองฝ่ายค้านในวันนี้ เป็นซุ้มอาหารร้านดังเจ้าอร่อยเช่น ข้าวขาหมูข้าวหน้าเป็ดสราญรมย์, มีข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง, ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเยาวราช, ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำตำลึง, ผัดไทยหอยทอด

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงผลการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล โดยกราบขอบพระคุณผู้บริหารทุกพรรคการเมืองที่มาประชุมนอกสถานที่ร่วมกัน โดยเฉพาะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้

นายณัฐพงษ์ ขอยืนยันหลักการในการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในรายละเอียดของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 โดยมีการเคารพหลักการและอุดมการณ์ของแต่ละพรรคที่แตกต่างกัน โดยจะมีกลไกในการทำงานร่วมกันคือฝ่ายค้าน

ซึ่งรายละเอียดจากการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ มีความชัดเจนในการยื่นญัตติ คือวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจากนี้จะมีการตกลงในเนื้อหาการอภิปราย เนื่องจากทุกพรรคมีข้อมูลที่เข้มข้น รวมทั้งจะมีการเจรจากับฝ่ายรัฐบาล โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อขอระยะเวลาอภิปราย 5 วัน ซึ่งตนก็หวังว่ารัฐบาลจะไม่ปิดกั้นการตรวจสอบและถ่วงดุลจากพรรคฝ่ายค้าน

นายณัฐพงษ์ ระบุต่อว่า ระยะเวลาครึ่งเทอมของการบริหารราชการแผ่นดินในรัฐบาลนี้ ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยชุดที่แล้ว พบว่าขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้เกิดปัญหาสังคม มีเค้าแววว่าจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน แต่รายละเอียดนอกจากนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

ส่วนการทำงานของพรรคการเมืองฝ่ายค้านหลังจากนี้ หากมีประเด็นเนื้อหาใด ที่ประชาชนหรือหน่วยงานราชการมีข้อมูลเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน สามารถส่งให้พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคได้ อย่างเช่นพรรคเสรีรวมไทยที่ได้มายื่นข้อมูลเพิ่มเติม

พร้อมกับตอบคำถามสื่อมวลชน ว่าการเจรจากับวิปรัฐบาลจะเป็นอย่างไร หากไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างน้อยอย่างไรก็ต้องได้ 5 วัน รัฐบาลต้องเปิดกว้างให้ฝ่ายค้านได้ถ่วงดุลอย่างเต็มที่ ซึ่งในวันนี้มีการแบ่งประเด็นในกรอบเนื้อหา ส่วนการแบ่งระยะเวลาของแต่ละพรรคฝ่ายค้าน ต้องรอความชัดเจนจากฝ่ายรัฐบาลก่อนว่าได้กี่วัน

ซึ่งประเด็นการอภิปรายจะเกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากน้อยขนาดไหนนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่าเป็นแค่ส่วนของการอภิปราย โดยย้ำว่าอยากให้รอติดตาม เพราะมีหลากหลายประเด็นที่พูดคุยกันในห้องประชุม โดยหากข้อเท็จจริงมีข้อมูลที่เพียงพอว่ารัฐมนตรีคนใดเข้าข่ายทุจริต ก็สามารถอภิปรายได้ โดยเป้าหมายในการอภิปรายครั้งนี้คือการตีแผ่ความจริงให้ประชาชนได้รับรู้ถึงปัญหา ส่งผลไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่าจะส่งผลกระเทือนต่อรัฐบาลว่าขาดความชอบธรรม แต่หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีก่อนการอภิปราย ก็ต้องมาดูตามสถานการณ์ว่าจะปรับเนื้อหาการอภิปรายอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังมองว่าช่วงเวลาการอภิปราย อาจเข้าข่ายเป็นเวลาที่ล่าช้า เนื่องจากพรรคเพื่อไทยบริหารราชการแผ่นดินมาแล้วสองสมัย ในใจของตนก็อยากให้ได้เร็วกว่านี้แต่ติดในเรื่องของวาระการประชุมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเสียงของฝ่ายค้านไม่พอที่จะพลิกเกมได้ จะใช้กลไกของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่ ระบุว่า เวทีนี้คือเวทีสำคัญ เป็นการตีแผ่ เปิดโปงให้ประชาชนรู้มากที่สุด ตัวรัฐมนตรีที่ถูกตั้งคำถาม นายกรัฐมนตรี ก็ควรมาตอบในที่ประชุมสภา ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนการอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือเป็นทั้งคณะรัฐมนตรีนั้น ภาพรวมจากเนื้อหาฝ่ายค้านก่อน เพราะขณะนี้ดูในเนื้อหาภาพกว้างเป็นสำคัญ