กาฬสินธุ์- ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ “ผัวคลั่ง” แทงเมียสาหัส ก่อนทำร้ายญาติที่เข้าห้ามอีก 3 ราย แล้วชิง จยย. หลบหนี

จากกรณี เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดทำร้ายร่างกายประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย ภายในหมู่บ้านห้วยตูม ต.กลางหมื่น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยคนก่อเหตุคือ นายประสิทธิ์ โพธิ์ใต้ หรือ สิทธิ์นาแก อายุ 38 ปี มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.นันทิดา แน่นอุดร อายุ 44 ปี ผู้เป็นภรรยา ถูกแทงบริเวณราวนมด้านซ้าย มีเลือดไหลออกมามาก บาดเจ็บสาหัส นายเจริญ แน่นอุดร อายุ 67 ปี บิดาของ น.ส.นันทิดา ได้รับบาดเจ็บบริเวณท้ายทอย และใบหน้ามีรอยฟกช้ำ นายรัฐศาสตร์ แน่นอุดร อายุ 17 ปี หลาน บาดเจ็บบริเวณหูข้างซ้ายถูกของมีคมบาด และ น.ส.กาญจนา บุญศรีล้ำ อายุ 38 ปี บาดเจ็บที่ศีรษะมีเลือดไหล ก่อนคนก่อเหตุจะชิงเอารถ จยย. หลบหนีไป ดังที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นำชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ออกติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ โดยแยกกำลังออกเป็น 3 ชุด ตรวจสอบตามสถานที่ต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ขณะที่พนักงานสอบสวน ได้เชิญตัวนางบุญมี แน่นอุดร อายุ 65 ปี มารดาของ น.ส.นันทิดา ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาสอบปากคำที่โรงพัก

นางบุญมี กล่าวว่า ลูกสาวอยู่กินกับนายประสิทธิ์แบบสามีภรรยา มาประมาณ 4-5 ปีแล้ว ปกตินายประสิทธิ์จะไม่มีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่ง และไม่ค่อยทำมาหากิน จะให้ลูกสาวเป็นผู้ทำงานหาเงินคนเดียว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยได้รู้เรื่องครอบครัวของลูกสาวสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ทำงานที่ต่างจังหวัด นานๆ ครั้งจะกลับมาบ้าน แต่ก็พอที่จะทราบความเป็นอยู่ว่าลูกสาวทำงานคนเดียว ส่วนลูกเขยไม่ค่อยทำงาน และที่ผ่านมา ก็มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เนื่องจากคาดว่าลูกเขยนั้นมีประวัติเสพยาเสพติด ซึ่งหากวันไหนเสพยา ก็จะมีอาการผิดปกติเป็นคนอารมณ์ร้อนพูดจาข่มขู่หลายครั้ง

นางบุญมี กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุลูกสาวได้กลับมาจากบ้านของนายประสิทธิ์ที่ จ.ชัยภูมิ มาที่บ้าน จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นนายประสิทธิ์ได้ขับรถเก๋งตามมาง้อ ให้ลูกสาวกลับไปที่ จ.ชัยภูมิ ด้วย แต่เนื่องจากลูกสาวไม่ยอมกลับ เพราะทนกับพฤติกรรมของสามีไม่ไหว ทำให้นายประสิทธิ์ ซึ่งขณะนั้นมีอาการโมโห อารมณ์ร้อน ดุร้าย คาดว่าเสพยามาด้วย ได้ตะโกนขู่ฆ่าล้างโคตร ก่อนใช้มีดพกติดตัวมาวิ่งเข้าไปแทงลูกสาวจนนอนล้มลงกับพื้น

ขณะนั้น นายเจริญ แน่นอุดร สามี และหลานอีก 2 คน เห็นเหตุการณ์ได้พยายามห้าม และช่วยเหลือ แต่กลับถูกนายประสิทธิ์ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน หลังเกิดเหตุได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป ทั้งนี้อยากให้ตำรวจเร่งจับตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว และให้ได้รับโทษหนักที่สุด

เพราะถือว่ามีเจตนาที่จะฆ่าลูกสาว แต่โชคดีไม่ถึงกับชีวิต และต่อจากนี้ไปตนและครอบครัว จะไม่รับนายประสิทธิ์มาเป็นลูกเขยอีกต่อไป ทั้งนี้ อาการของลูกสาวตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงรักษาตัวอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะปอดฉีก ส่วนอาการผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ด้าน พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่แกะรอยเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีแล้ว โดยแยกเป็น 3 ทีม คาดว่าน่าจะยังอยู่ในพื้นที่ ส่วนมูลเหตุนั้น เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากผู้ก่อเหตุตามมาง้อขอคืนดีกับภรรยาแต่ไม่สำเร็จจึงเกิดความโมโห และก่อเหตุดังกล่าว

พ.ต.อ.วีระ กล่าวอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีพยานหลักฐาน และผู้เห็นเหตุการณ์ชัดเจน ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับนายประสิทธิ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตามผู้ก่อเหตุที่หลบหนีอยู่ขณะนี้ มีอาวุธมีดไปด้วย จึงขอฝากถึงผู้นำชุมชน และประชาชนที่พบเห็น หรือมีเบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน และขอเวลาให้ตำรวจทำงานสักระยะ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถติดตามตัวได้ในเร็วๆ นี้

ด้าน นายบอย มาพร อายุ 28 ปี หลานชายผู้บาดเจ็บ ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ และเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองรวมทั้งญาติ และเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ยินเสียงทั้งสองคนทะเลาะกันเสียงดัง จึงพากันออกมาดู ซึ่งตอนนั้นจับใจความได้ว่า นายประสิทธิ์ได้มาตามน้าของตน ให้กลับไปที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งลักษณะทะเลาะกัน ด้วยความหึงหวง นายประสิทธิ์เข้าใจไปเองว่าน้าของตนกลับมาที่ จ.กาฬสินธุ์ อาจจะมีผู้ชายคนใหม่

ซึ่งที่จริงแล้วน้าสาวของตนนั้นหนีกลับมา เนื่องจากทนพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ไม่ได้ เพราะเคยได้ยินว่าทะเลาะกันบ่อยครั้ง และยังเคยใช้ปืนยิงข่มขู่ด้วย กระทั่งล่าสุดก็ได้มาเกิดเหตุขึ้นที่บ้านของน้า ทั้งนี้ ช่วงเกิดเหตุตา พี่สาว และน้องชาย ได้พยายามห้าม แต่ก็ยังถูกนายประสิทธิ์ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งช่วงนั้นชุลมุนทุกคนพยายามช่วยกันห้าม และจับตัวนายประสิทธิ์ เนื่องจากมีอาวุธมีดอยู่ด้วย จึงไม่สามารถจับตัวได้ก่อนจะขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป.