หนุ่มตัดสินใจ ประกาศไม่ตามหาเมียแล้ว หลังตั้งรางวัล 2 หมื่นให้คนที่แจ้งเบาะแส พร้อมเผยเหตุผลที่ยกเลิก ยันจะเดินหน้าโฟกัสไปเรื่องงานกับลูก

จากกรณีหนุ่มรับเหมาก่อสร้างโพสต์ประกาศตามหาภรรยาที่หายออกไปจากบ้าน โดยยินดีมอบเงินสินน้ำใจ 20,000 บาท ให้คนแจ้งเบาะแส จนตามหาเมียที่หายไปเจอ ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (หนุ่มให้รางวัล 2 หมื่น ประกาศตามหาเมียหายจากบ้าน บอกลูกร้องหาแม่ทุกวัน)

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ช่วงเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาพบกับ นายคมสัน พูลกลาง อายุ 36 ปี อาชีพรับเหมาทำเสาปูนก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้ประกาศตามหาภรรยา โดยได้ทำการสอบถามเรื่องราวทั้งหมดทราบว่า แฟนสาวคือนางสาวพิสมัย อายุ 22 ปี หรือ เจ้ย ได้หายออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ทางตนและครอบครัวพี่สาว ได้ออกติดตามหาภรรยา โดยแจ้งเบาะแสให้กับคนทั่วไปว่าผู้เป็นภรรยาที่หายออกจากบ้านสวมใส่กางเกงขาสั้นสีเทา ใส่เสื้อยืดสีแดงลายตรุษจีน เดินเท้าออกจากบ้านพักในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลหนองไผ่แก้ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี มุ่งหน้ามาทางสี่แยกหนองชาก เป็นเบาะแสเดียวที่มีอยู่

ในวันที่หายตัวไปคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ภรรยาของตนเองเดินผ่านหน้าร้านสำเพ็ง พื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลหนองชาก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ทางตนเอง พี่สาวและญาติๆ ได้กระจายกันค้นหาแต่ปรากฏว่าไม่พบเบาะแสจนกระทั่งพากันไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรบ้านบึง

จากนั้นก็ได้ออกติดตามหาเรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้ช่วงเช้า ได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีคนพบนางสาวพิสมัย มาเป็นลูกจ้างร้านอาหารตามสั่งขายไก่ย่างในซอยเซิดน้อย เขตเทศบาลเมืองบ้านบึง ตนเองพร้อมทั้งพี่สาว และนางบุญแจ่ม แม่ของนางสาวพิสมัย ก็ได้รีบเดินทางมาตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า ทางนางสาวพิสมัยรู้และไหวตัวทัน ไม่มาทำงานที่ร้านอาหารตามสั่งร้านไก่ย่างเหมือนเดิม จากนั้นจึงได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบนางสาวพิสมัย มารับจ้างทำงานย่างไก่ย่างขายในร้านดังกล่าวจริง ตนเองยืนยันจำได้แม่น

นายคมสันเปิดเผยต่อไปอีกว่า ตนเองไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับนางพิสมัยเลย มีเพียงการว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้า ที่พักอาศัย ที่เตือนอยู่บ่อยๆ เนื่องจากระยะเวลา 10 ปี ที่อยู่กินกับนางพิสมัย ตนเองให้นางพิสมัยมีหน้าที่ทำงานบ้าน ดูแลเสื้อผ้าของลูกๆ ทั้ง 3 คน เท่านั้น ไม่ได้ให้ทำงานหนัก หรือว่ามีความเดือดร้อนในเรื่องเงินทองแต่อย่างใด ซื้อทองให้ใส่ดูแลดีทุกอย่าง จนกระทั่งกลางดึกของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 68 ก่อนวันที่หายตัวไป ตนได้ต่อว่านางพิสมัยในเรื่องของการเล่นโทรศัพท์ดึกดื่น และพูดคุยกับคนอื่นในแอพ TikTok แต่ทุกอย่างก็ดูปกติจนกระทั่งถึงช่วงเช้า พอตนเองออกไปทำงาน มาทราบว่าภรรยาได้หนีออกจากบ้านไปแล้วมีเพียงสาเหตุนี้เดียวเท่านั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากนี้จะทำอย่างไร ถ้าหากไม่พบตัวหรือทราบข่าวภรรยา นายคมสันกล่าวว่า ตนเองมีหน้าที่การงานและต้องดูแลครอบครัว มีลูกอีก 3 คน ต้องดูแล คงต้องโฟกัสไปเรื่องงานกับลูกอีกสามคนมากกว่าที่จะตามหาภรรยา อีกอย่างก็มาทราบภายหลังว่า ภรรยาตั้งใจที่จะทิ้งตนกับลูกไปจริงๆ ต้องการมีอิสระ ตนเองก็ไม่รั้ง หรือออกติดตามหาต่อไปอีก

แต่สาเหตุตั้งเงินรางวัลถึง 20,000 บาท เพื่อตามหาภรรยานั้น ก็เพราะต้องการทราบว่าภรรยายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ปลอดภัยหรือไม่ พอทราบว่ายังมีชีวิต และไม่อยากจะกลับมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอีก ตนเองก็คงตัดใจ ไม่ตามหาหรือเหนี่ยวรั้งเอาไว้ เมื่อลูกๆ ถามจะได้มีคำตอบให้กับลูกๆ ว่าแม่ออกจากบ้าน มาทำงาน ไม่ได้อยู่กับลูกๆ แล้ว ภายหลังตนเองก็โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งยกเลิกให้รางวัล 2 หมื่นบาท ถ้าหากใครพบเห็นนางสาวพิสมัย และยกเลิกตามหานางสาวพิสมัย เอาเงินสองหมื่นบาทมาส่งเสียเลี้ยงลูกดีกว่า ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ขอเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนเอง

ทางด้านเจ้ทา เจ้าของร้านอาหารตามสั่งในซอยเซิดน้อย ที่รับนางสาวพิสมัยเข้ามาเป็นลูกจ้างทำงาน กล่าวว่า มีพลเมืองดีที่รู้จักกัน พานางสาวพิสมัยมาฝากให้ทำงาน ตนเองกำลังหาคนช่วยขายของหน้าร้านอยู่ จึงรับให้มาทำงานด้วย ทำงานวันแรกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 68 ระหว่างนั้นก็ได้สอบถามนางสาวพิสมัยถึงเรื่องต่างๆ ได้ข้อมูลว่า ทะเลาะกับสามี มีความเป็นอยู่ลำบาก กินอดๆ ยากๆ ให้ทำงานบ้านสารพัด กินของเหลือ คนในครอบครัวของสามีไม่มีใครรัก และชอบจึงหนีออกมาจากบ้าน ตนเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่พอมีทางฝ่ายสามีมาตามหา จึงทราบข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งก็รู้สึกตกใจกับข้อมูลที่ได้มาจากฝั่งของนางสาวพิสมัย

เจ้ทา ยังเปิดเผยต่อไปอีกว่า นางสาวพิสมัยมาทำงานตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 68 กระทั่งมาถึงวันนี้ ไม่เห็นนางสาวพิสมัยมาทำงาน อาจจะเป็นเพราะว่ามีข่าวออกทางทีวีและสื่อโซเชียล จึงหลบหน้าทางสามีและญาติๆ ที่กำลังตามหาอยู่ ซึ่งเมื่อวานเป็นวันสุดท้ายที่มาทำงาน ตนเองยังถามนางสาวพิสมัยเลยว่า เนี่ยะข่าวออกทีวีแล้ว มีรางวัลเงินสองหมื่นเชียว แต่นางสาวพิสมัยยังปฏิเสธหน้าตาเฉย สุดท้ายก็ไม่มาทำงาน คงจะหนีไปที่อื่น

ทางด้านนางคำภู นามบุญเรือง อายุ 54 ปี แม่สามีของนางสาวพิสมัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่รับลูกสะใภ้มา อยู่บ้านหลังเดียวกันกับลูกสะใภ้นานนับ 10 ปี นิสัยเหมือนเดิมคือ ขาดความสะอาด ทั้งๆ ที่หน้าที่ที่มอบหมายจากลูกชายที่ให้สะใภ้ทำนั่นคือ ดูแลเสื้อผ้า อาหารการกินของลูกๆ ทั้ง 3 คน แต่นางสาวพิสมัยยังรับผิดชอบไม่ได้ บ่อยครั้งที่ลูกๆ ใส่ชุดเดิมๆ ไปเรียน น้ำท่าไม่ได้อาบ ตนเองก็ว่ากล่าวตักเตือนบ้าง เนื่องจากลูกชายไม่เคยต่อว่า กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 18 ก.พ. 68 ลูกชายดุนางพิสมัยเรื่องการคุยกับคนอื่นผ่านติ๊กต๊อก จนรุ่งเช้าวันที่ 19 ก.พ. 68 หนีหายจากบ้านไป

ขณะที่ นางบุญแจ่ม กิแมน อายุ 49 ปี แม่ของนางสาวพิสมัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เดินทางมาพร้อมกับฝ่ายลูกเขย และญาติของลูกเขย ตามหาลูกสาว คือ นางสาวพิสมัย แต่เมื่อมาถึง ปรากฏว่าไม่พบ ก็รู้สึกผิดหวัง หลังจากนี้ก็จะขออกติดตามหาลูกสาวต่อ และถ้าหากพบเห็นก็จะนำตัวมาดูแลต่อ