หนุ่มดมทินเนอร์ บุกบ้านหวังข่มขืนเด็กหญิงวัย 5 ขวบ เคราะห์ดี แม่เด็กมาช่วยทัน ยกเตารีดทุบหัวเลือดสาด ชาวบ้านไล่ตามจับตัวส่งตำรวจ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Watchara Padungrad ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะที่ชาวบ้านได้ช่วยกันจับคนร้าย ซึ่งเป็นชายที่หลบหนีมาซ่อนตัว อยู่ริมบึงสังข์ บ้านยางบึง หมู่ 3 ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมกับชกต่อยคนร้ายด้วยความโกรธแค้น ก่อนจับส่งตำรวจ
โดยระบุข้อความประกอบโพสต์ว่า “มีคนสติไม่ดีจะมาข่มขืนเด็กน้อยบ้านยางบึง นำเจอตัวแถวบึงจึงจับตัวไว้ได้ คาดว่าน่าจะเมายา” ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากนั้น
ต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บึงสังข์ พบนายวัชระ ผดุงราช อายุ 33 ปี ชาวบ้านยางบึง ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ถ่ายคลิปดังกล่าว เล่าว่า เช้าวันนี้ได้มีคนร้ายเป็นชายปั่นจักรยานเข้ามาในหมู่บ้าน พบเห็นเด็กหญิง วัย 4-5 ขวบ นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน คนร้ายได้จอดรถจักรยานเดินเข้าไปหาเด็ก ซึ่งเด็กเห็นคนร้ายก็กรีดร้องเพราะตกใจ แล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน
คนร้ายวิ่งตามเข้าไปในบ้าน พร้อมกับจับแขนและขา จะถอดกางเกงเพื่อทำมิดีมิร้าย เด็กร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้แม่เด็กได้ยิน จึงเข้าไปช่วยด้วยการใช้เตารีดทุบหัว จนคนร้ายหัวแตก วิ่งออกมาจากบ้านแล้วปั่นจักรยานหลบหนีไป
นายวัชระ เล่าต่อว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนกำลังทำงานอยู่ในบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องของชาวบ้านว่า มีคนร้ายเข้ามาพยายามข่มขืนเด็ก ชาวบ้านกำลังไล่ติดตามหาตัว ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปช่วยชาวบ้านตามหาคนร้าย และไปพบจักรยานคนร้ายจอดอยู่ริมบึงสังข์
ส่วนคนร้ายเดินลงไปในบึงเพื่อล้างเลือดที่ไหลจากแผลที่ศีรษะอาบใบหน้า ชาวบ้านได้ตามลงไปลากตัวคนร้ายขึ้นมา ซึ่งคนร้ายไม่ได้ขัดขืน บางคนโมโหก็ได้ชกคนร้ายด้วยความโกรธแค้น บางคนก็ได้ห้ามปรามไม่ให้ทำร้าย ก่อนควบคุมตัวไปโรงพัก ซึ่งตนอยากเตือนภัยสังคมว่า ให้ดูเด็กและลูกหลานให้ดี เพราะภัยสังคมมาก ทั้งพวกเสพยา ดมสารระเหย คนร้ายที่ก่อเหตุก็น่าจะเมาสารระเหย ให้ช่วยสอดส่องดูแลบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้านด้วย
…
จากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.ย่อยนาข่า อ.เมืองอุดรธานี พบ พ.ต.ท.เจษฎา ว่องไว สว.(สอบสวน) กำลังรับแจ้งความ และสอบปากคำพ่อแม่เด็ก ซึ่งไม่ประสงค์จะให้ถ่ายภาพและให้สัมภาษณ์ เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบกับลูกสาว
ส่วนตำรวจสืบสวนได้ควบคุมตัวคนร้าย ทราบชื่อภายหลังว่า นายปรีชา คำชลทา หรือ หลอด อายุ 29 ปี ชาว ต.นากว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี มาสอบสวนปากคำ ซึ่งนายปรีชามีอาการมือสั่น ตอบคำถามตำรวจช้าให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าไปบ้านเด็กจริง เพื่อไปข่มขืน แต่ยังไม่ได้ทำ เด็กร้อง แม่เด็กเข้ามาพบก่อน จึงปั่นจักรยานหนี

ต่อมา นางมะลิวรรณ คำนิล อายุ 69 ปี แม่นายหลอด เดินทางมาโรงพัก เพื่อเยี่ยมลูกชาย ซึ่งนายหลอดได้กราบขอโทษแม่ที่ได้กระทำผิด นางมะลิวรรณก็ยกโทษให้ และให้ลูกรับกรรมที่ตัวเองกระทำ โดยจะมาเยี่ยมในช่วงค่ำ
นางมะลิวรรณ เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน สามีตายได้ 4 ปี ลูกสาวคนโตแต่งงานกับชาวเยอรมัน ส่งเงินมาให้แม่ใช้เดือนละ 1 หมื่นบาท ส่วนลูกชายคนกลางเสียชีวิต เพราะดมทินเนอร์จนปอดหาย ส่วนนายหลอดเป็นลูกคนเล็ก เป็นคนพิการ เพราะโดนรถชนตั้งแต่อายุ 15 ปี ขาหักทั้งสองข้าง นายหลอดไม่ได้ทำงาน และยังสูดดมกาวและทินเนอร์เหมือนพี่ชาย จนมีอาการทางจิตประสาท ต้องนำตัวไปรักษาที่ รพ.จิตเวช และ รพ.อุดรธานี แต่ก็หวนกลับมาดมทินเนอร์เหมือนเดิม
ตนบอกให้ลูกเลิกดมทินเนอร์ เพราะเกรงว่าลูกจะเสียชีวิตเหมือนพี่ชาย แต่ลูกก็ไม่ฟัง นำเงินคนพิการไปซื้อทินเนอร์มาดมเหมือนเดิม แต่นายหลอดไม่เคยอาละวาด หรือทำร้ายแม่ เพราะไม่ได้เสพยาบ้า แต่เคยก่อเหตุไปจับเนื้อต้องตัวผู้หญิงในหมู่บ้าน พอรู้ว่าเป็นคนสติไม่ดี ก็ให้อภัยไม่แจ้งความดำเนินคดี
ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเช้านี้ตนจะพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามนัด แต่นายหลอดได้ดมทินเนอร์ทั้งคืน เสร็จแล้วปั่นจักรยานออกจากบ้าน ตนได้ห้ามลูกอย่าไปไหนให้อยู่ที่บ้าน แต่นายหลอดก็ไม่ฟัง ปั่นจักรยานมุ่งไปทางบึงสังข์ ตนก็คิดว่าลูกนอนดมทินเนอร์ทั้งคืนจนสว่าง คงจะร้อนเลยจะไปอาบน้ำที่บึงสังข์ ไม่คิดว่าจะไปก่อเหตุบุกเข้าไปในบ้านแล้วลวนลามเด็ก พอทราบเรื่องตนก็ตามมาโรงพัก ตนคงจะไม่ประกันตัวเพราะไม่มีเงิน ให้ลูกรับโทษติดคุกตามกรรมที่ได้ทำ
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหานายปรีชา หรือ หลอด “บุกรุกเคหะสถาน” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนข้อหาพยายามข่มขืนเด็ก ต้องสอบปากคำพยาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป