คกก.ถกมติแพทยสภา ส่งถึงมือ “สมศักดิ์” วีโต้กลับ ปมลงโทษ 3 หมอ เอี่ยวชั้น 14 ช่วย “ทักษิณ” ด้าน “นรินท์พงศ์” จวก แพทยสภาไร้จริยธรรม ลืมนกหวีดไว้ข้างหลัง แง้ม 3 หมอ จ่อใช้ชุดข้อมูลฟ้องศาลปกครอง
27 พฤษภาคม 2568 กระทรวงสาธารณสุข นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล กรรมการ ผู้แทนประธานคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณา ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 พร้อมด้วย นายกองตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการ ร่วมยื่นรายงานความเห็นของคณะกรรมการฯ ต่อกรณีมติแพทยสภาให้มีการลงโทษแพทย์จำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากรพ.ราชทัณฑ์ ไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ โดยสรุปส่งถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา โดยนางปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนวิชาการ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบ
แพทยสภาส่งข้อมูบไม่ครบ
นายธนกฤต กล่าวว่า คณะกรรมการฯ แต่ละคนมีความเห็นเป็นอิสระในการลงความเห็นเสนอสภานายกพิเศษฯ มีทั้งเหมือนและต่างจากกรรมการบางคน โดยพิจารณาความเห็นรายบุคคลตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย แต่คณะกรรมการฯ ทุกคนมีความเห็นว่าข้อมูลที่แพทยสภาส่งมานั้นยังไม่ครบ เพราะนอกจากกฎหมายของแพทยสภาแล้ว ยังต้องพิจารณากฎหมายองกรมราชทัณฑ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วย เพราะกฎหมายแต่ละหน่วยงานมีศักดิ์ที่เทียบเท่ากันได้ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานต่างกัน จึงต้องเอาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา และข้อเท็จจริงอีกเรื่องที่ขอเอกสารเพิ่มเติมไป แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งทางแพทยสภาอาจมองว่าไม่สำคัญหรือไม่ แล้วแต่ท่านพิจารณา ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องลงโทษหมอ ไม่ใช่เรื่องการเมือง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ยังไกลเกินไปกับการทำหน้าที่ของตนที่พิจารณาข้อกฎหมายเป็นหลัก
…
เชื่อ“สมศักดิ์”ตัดสินใจได้
นายธนกฤต กล่าวว่า ตนทำหน้าที่ผู้ให้ความเห็นทางกฎหมายว่ามีองค์ประกอบบางอย่างที่ควรเข้ามาให้สมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมายความสิ่งที่ตนพูด คือการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสภานายกพิเศษฯ แต่เป็นมุมมองของตัวเองที่ทำหน้าที่ครบถ้วน หรืออย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ การให้สัมภาษณ์ข่าว มีอะไรที่ไม่ตรงกับเอกสารหรือข้อเท็จจริงที่เรามีอยู่ หรือที่เราไปพิสูจน์ทราบเอง เช่นบทสัมภาษณ์ของแต่ละคนตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ อย่างคำว่า วิกฤตหรือไม่วิกฤต ที่มีความสำคัญ เพราะถ้าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มันเพราะอะไร หรือคลาดเคลื่อนเพราะอะไร เชื่อว่าขั้นตอนสุดท้ายสภานายกพิเศษฯ น่าจะเอาความเห็นไปพิจารณาประกอบด้วย แต่ท่านไม่ใช่คนตัดสินคนสุดท้าย เป็นแพทยสภาตัดสินคนสุดท้าย
ส่งกลับให้แพทยสภายืนยันมติ
ด้าน นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ความเห็นกรรมการแต่ละคนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ จนกว่ารมว.สธ.จะอ่าน ซึ่งมีความหลากหลายมุม ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งประกอบแล้ว 9 คนนั้นน่าจะเกิดความเป็นธรรมพอสมควร ทั้งนี้อาจมีการโยงว่ากรรมการฯ อยู่ทางการเมืองบ้าง อยู่กับเสื้อแดงบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเราตัดสินด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม คือความถูกต้อง เนื่องจากมีเอกสารเข้ามาจากทั้งแพทย์ และแพทยสภา เหมือนตาชั่ง ที่มีข้อมูลทั้งซ้าย และขวา ฉะนั้นเราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากดุลยพินิจเพื่อรายงานว่า ความเห็นของพวกเราเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ครบถ้วน นอกจากนี้ผลดังกล่าวไม่ได้ไปมีผลต่อการตัดสินคดีของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ เพราะเป็นคนละเรื่อง และบางมาก แต่การที่เราพิจารณาส่งถึงรมว.สมศักดิ์นั้น กระบวนการต่อไปก็ส่งกลับไปที่แพทยสภาที่ต้องมีการพิจารณาต่อและลงมติ 2 ใน 3 ถ้าเห็นว่าแพทย์ทำผิด ก็ยืนยันตามเดิม ดังนั้นถือว่า เป็นความยุติธรรม ไม่ได้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อใคร แต่สังคมไม่มองจุดนี้
เชื่อไม่เกี่ยวตัดสินคดี 13 มิ.ย.68
นายนรินท์พงศ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 13 มิ.ย. ตนเชื่อว่า ศาลฎีกาที่จะมีการพิจารณาเรื่องชั้น 14 นั้น ศาลคงไม่ไปดูว่าผลการวินิจฉัยลงโทษจริยธรรมแพทย์ 3 เดือน 6 เดือน ของแพทยสภา แล้วนำผลไปพ่วงให้คนเหล่านั้นได้รับเคราะห์ แต่วันนี้มีการปลุกกระแสทางการเมืองให้เกิดความหวาดระแวงมากกว่า ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวแน่นอน ทั้งนี้การตัดสินคดีของศาล จะเอาใครลงโทษในคดีอาญา คงไม่ได้เอาเรื่องที่หมอโดนภาคทัณฑ์แล้วให้นายทักษิณกลับมาติดคุก แต่นายทักษิณก็ต้องมีเหตุผลว่าป่วยเพราะอะไร อยู่ยาวเพราะอะไร
เผยแพทย์เตรียมฟ้องศาลปกครอง
เมื่อถามว่า กรณีที่แพทย์ที่ถูกลงโทษไม่ได้ส่งเอกสารบางอย่างถึงแพทยสภา พอถูกตัดสินโทษแล้วค่อยนำส่งเอกสารนั้นมาให้สภานายกพิเศษ แบบนี้ทำได้หรือไม่ นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า วันนี้ แพทย์ที่ถูกร้องเรียนทั้ง 4 คน (ยกคำร้อง 1 คน) จะใช้คำสั่งนี้ไปต่อสู้ที่ศาลปกครอง เขาจะเอาเรื่องราวที่มาทำที่นี่ไปอุทธรณ์ไว้ การที่เป็นหมอใหญ่แล้วโดนสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาต 6 เดือน ก็เสียชื่อที่ทำงานมาทั้งชีวิต ดังนั้นถ้าหมอในแพทยสภาก็ไปสู้กันที่ศาลปกครอง แต่ก็ไม่มีผลกับการพิจารณาของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้อยู่ดี ซึ่งเป็นคนละเรื่อง
ซัดแพทยสภาไร้จริยธรรม
เมื่อถามว่า แพทย์ทั้ง 3 คนนี้ ได้มีการมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการฟ้องศาลปกครองหรือไม่ นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้ถูกล็อบบี้จากใครเลย แต่เชื่อมั่นว่าถ้าพี่น้องไปป่วยอยู่ในคุก แล้วคนบอกว่าเอาออกไปทำไม เขายังไม่ตายเลย แต่สุดท้ายเขากลับตาย ดังนั้นแพทย์ต้องคำนึงถึงความเจ็บป่วย ไม่ใช่ว่าหัวใจเต้นแล้วไม่เอาเข้าไป แล้วพอตายก็ไปฟ้องหมอ แล้วหมอบอกว่า เขายังไม่วิกฤติ แต่พอคนตายแล้วใครรับผิดชอบ คือวันนี้ที่ต้องโดนด่าคือจริยธรรมของแพทยสภาไม่มี เพราะลืมนกหวีดไว้ข้างหลังตอนแถลงข่าว