“ศิริกัญญา” ทิ้งทวนงบประมาณ 69 ซัดรัฐบาลโกหกตกแต่งตัวเลขรายจ่ายประจำให้ต่ำ แล้วค่อยเอางบฯคงคลังมาอุดภายหลัง แถมจัดงบไม่รับมือสงครามการค้า ไม่ตอบโจทย์วิกฤตเศรษฐกิจ 

วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายสรุปปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ว่า ตลอด 4 วันของการอภิปรายได้ยินคำว่ากาลเทศะหลายครั้ง แต่ปัญหาตอนนี้คือเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง รัฐบาลพยายามจะบอกว่างบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาทมันน้อยจึงต้องหาเงินมาช่วย แต่ไม่ว่าหาเท่าไรก็เหมือนถังที่มีรูรั่วเพราะมีการคอร์รัปชั่น เลยต้องอภิปรายตัดงบประมาณที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดคอร์รัปชัน

นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดสภาพเศรษฐกิจ เพราะประชาชนพูดให้หมดแล้วว่ามันเยอะมากแค่ไหน และอย่าคิดว่าสงครามการค้าจะจบง่ายๆ เพราะศาลอุทธรณ์ได้สั่งเบรกการระงับการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐไปแล้ว และทรัมป์ก็น่าจะมีไพ่อีกหลายใบเรื่องนี้จึงไม่น่าจะจบง่ายๆ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของไทยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ คือ เศรษฐกิจอาจโตขึ้นแค่ 1.3% และเหลือแค่ 1% ในปี 2569 ซึ่งแม้ว่าสงครามการค้าจะดีขึ้นแต่ไทยก็ต้องเจอกับพายุหมุนทางสภาวะเศรษฐกิจภายนอกเข้ามากระแทก ในขณะที่เศรษฐกิจภายในก็อ่อนแอ ก่อนหน้านี้ได้เตือนให้รัฐบาลกลับไปทำงบประมาณใหม่ แต่รัฐบาลอ้างว่าทำไม่ทันทั้งที่ปี 2567 รื้อ 2 รอบ และปี 2568 รื้ออีก 2 รอบ เพื่อเบ่งงบประมาณมาทำโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แต่ปีนี้วิกฤตมารอตรงหน้ากลับไม่ทำ พอไม่ใช่ดิจิทัลวอลเล็ตงานก็ไม่เดิน แต่เมื่อดูในงบกลางที่ยืดหยุ่นมากที่สุดและมีงบฯสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ แต่ปี 2569 มีวงเงิน 25,000 ล้านบาท ลดลงกว่าปี 2568 ที่มีวงเงิน 187,700 ล้านบาท จึงไม่เข้าใจว่ายืดหยุ่นแบบไหนถ้าไม่มีโครงการมารองรับ แต่เหมือนปล่อยผีให้หน่วยงานโยกงบฯไปใช้ได้ง่ายๆ  ซึ่งงบประมาณแบบนี้จะทำให้สภาตรวจสอบไม่ได้

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวว่า งบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจรัฐมนตรีไม่เคยพูดถึง แต่จะพบว่ามีโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท โครงการโปรดของตน ที่คงมาแน่ในปี 2569 แต่มีเงินแจกแค่ 25,000 ล้านบาท ต้องมาลุ้นกันใครจะเป็นผู้โชคดี 2.5 คน ลุ้นยิ่งกว่าหวยว่าจะเป็นกลุ่มเยาวชน 16-20 ปี คนทำงานอายุ 21-25 ปี หรือจะเป็นคนใกล้เกษียณ 55-59 ปี แต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ยืนยันให้แจกเลย ไม่งั้นได้นายกฯเท้งแน่ แต่ถ้าแจกอย่างนี้ต่อให้ใกล้เลือกตั้งแจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังได้นายกฯเท้งเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีการจัดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจให้ อปท. โดยเฉพาะงบฯ รายจังหวัด ของบฯทำเอไอจำนวนมาก เช่น จังหวัดเชียงราย ได้งบฯ กว่า 1,000 ล้านบาท แต่เป็นงบฯทำเอไอ กว่า 800 ล้านบาท ที่ตลกที่สุดคือคนที่ขอคือ พลังงานจังหวัดเชียงราย ของบฯทำเอไอจัดการจราจร จัดการภัยพิบัติ โดยไม่ได้เกี่ยวกับพลังงานเลย เมื่อเห็นฝีมือกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ชักเริ่มไม่อยากช่วยหาเงินแล้ว

นอกจากนี้นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นการจัดแบบย้อนยุค จัดเหมือนเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไม่มีการเตรียมล่วงหน้าเผื่อราคาผลผลิตตก หรือสินค้าล้นตลาด พอราคาตกก็ใช้งบฯกลาง หรือกู้ ธกส. พอตั้งงบฯใหม่ ก็มีแต่งบฯใช้หนี้ เป็นอย่างนี้มาหลายยุค ซึ่งรัฐบาลบอกว่ายังไม่ได้เริ่มใช้งบฯ ธกส. ก็เพราะราคาสินค้าเกษตรมันดี แต่ทำนายได้เลยว่าเดี๋ยวต้องกลับไปใช้อีกแน่ เพราะราคาข้าวกลับไปเท่ามาม่า ราคามันจะเหลือไม่ถึง 1 บาท ราคาอ้อยและปาล์มก็ล่วงต่อเนื่อง ในขณะที่งบฯสิ่งแวดล้อมก็ไม่มีการเตรียมความพร้อมรับมือมลพิษ ขยะ ภัยพิบัติ มีแต่ชดเชย ถ้ายังใช้แต่การชดเชยแบบนี้โดยไม่มีการป้องกันในอนาคต ไม่เกิน 10 ปี งบประมาณต้องไม่มีเพียงพอเยียวยาอย่างแน่นอน

นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดในงบฯ ปี 69 คือ รายจ่ายประจำ นี่มันเรื่องโกหกอะไรกัน ที่บอกว่ารายจ่ายประจำน้อยที่สุดในรอบ 18 ปี แต่ความจริงแล้วเป็นการตัดรายจ่ายประจำให้ไปไม่ครบ งบฯชำระดอกเบี้ยขาดไป 65,000 ล้านบาท งบฯบำนาญ ขาด 51,000 ล้านบาท ตั้งงบฯค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ และในขณะที่กองทุนประชารัฐ ลดเหลือ 3 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่าจะมีการตัดลดงบฯบัตรคนจนหรือไม่ จึงเป็นการทำตัวเลขให้ดูดี ซึ่งทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว โดยในปี 2567 ต้องไปเอางบฯคงคลังออกมาใช้จ่ายบำนาญ 42,000 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาล 24,000 ล้านบาท และเงินเดือนค่าราชการ 17,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 40,000 ล้านบาท รวมเป็น 120,000 ล้านบาท ปี 2569 จึงต้องตั้งงบฯ ชดเชย และปีนี้ก็ตั้งใจตั้งงบฯให้ไม่พอเพื่อให้ตัวเลขดูดี เพื่อหางบฯมาเพื่อทีหลัง จะทำไปเพื่ออะไร

รองหัวหน้าพรรคประชาชนยังบอกถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต ของกองทัพเรือว่า เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเรือฟริเกตอีก 1 ลำ ทั้งที่ในปี 2567 พรรคฝ่ายค้านสนับสนุนให้มีการจัดซื้อเพราะจะได้ทั้งเทคโนโลยีต่อเรือและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ดังนั้นหากในปีนี้เลื่อนออกไปก่อนเพื่อปีหน้าให้ได้ 2 ลำ และเศรษฐกิจในปี 2570 อาจจะดีขึ้น น่าจะมีประโยชน์มากขึ้น และเป็นการจัดซื้อแบบมียุทธศาสตร์ ที่จะสามารถเกิดการลงทุนในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวศิริกัญญา ยังเห็นว่า ในปีงบประมาณ 2564 ประเทศเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้จัดงบเพื่อตอบโจทย์วิกฤตโควิด-19 ซึ่งความรู้สึกในวันนั้น ไม่ได้ต่างจากวันนี้ ที่จะต้องรื้องบประมาณใหม่หมด สะท้อนว่ารัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศหรือต้องยุบสภา แต่ตนเองก็ได้เรียนรู้การเมืองแห่งความเป็นจริงว่า ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดจะยุบสภาในความนิยมย่ำแย่ เว้นแต่จะมีศึกภายในจากพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง พร้อมขออย่านำพรรคประชาชนไปเป็นตัวประกันระหว่างการทะเลาะกัน 2 พรรค พร้อมมั่นใจว่าร่างงบประมาณเมื่อเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้มาก แต่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ต่อไป และตรวจสอบงบประมาณอย่างเต็มที่โดยเฉพาะโครงการที่ไม่จำเป็น ไม่สำคัญ เพื่อให้สมศักดิ์ศรีฝ่ายค้าน