ครอบครัวร้องสื่อ หลานชาย วัย 24 ปี ไปฝึกงานที่ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น แล้วติดต่อไม่ได้ ต่อมาได้รับแจ้งว่าเสียชีวิต เชื่อหลานโดนฆาตกรรม วอนนายกฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเอากระดูกกลับมาบ้านที่เมืองไทย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 เฟซบุ๊ก Jane Janejira ได้แชร์ข้อความพร้อมภาพหลานชายที่ไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วหายตัวไป เวลาตี 5 ของช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2567 บริเวณร้านไทย ในฮิโรชิมา ถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้เลย พร้อมขอความว่า “ช่วยแชร์ด้วยนะคะ หลานชายเจนเอง น้องหายตัวไปยังติดต่อไม่ได้ค่ะ ทางบ้านเป็นห่วงมาก”
ล่าสุด วันนี้ (27 มกราคม 68) ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นางสาวนันท์นภัส ตันมิ่ง อายุ 40 ปี น้าสาวของนายกรณพัฒน์ หรือ น้องนัท พรมฮุ่ง อายุ 24 ปี 4 เดือน ที่หายตัวไป เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลานจบ ปวส.ที่วิทยาลัยเทคนิคเลย ได้ร่วมโครงการนักศึกษาฝึกงานที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น สัญญา 3 ปี เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565
โดยมีกำหนดกลับประเทศไทยวันที่ 22 เมษายน 2568 แต่กลับหายตัวไปไม่พบร่องรอย ติดต่อไม่ได้ และเพิ่งมาทราบว่าหลานชายได้เสียชีวิตแล้วในร้านอาหารไทย เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทางครอบครัวร้อนใจ ติดต่อไปยังสถานทูตไทยที่ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และบริษัทที่ดูแลนักศึกษาไปฝึกงาน เรื่องก็เงียบ ไม่มีคำตอบแต่อย่างไร วันนี้จึงฝากสื่อร้องไปยัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือหลานด้วย หรือจะนำเถ้ากระดูกกลับบ้านที่เมืองไทย
…
นางสาวนันท์นภัส เปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 21 ธันวาคม 2567 หลานชายพร้อมด้วยเพื่อน มีการฉลองกินเลี้ยงที่บริษัทจัดงาน เป็นการส่งท้ายปีเก่า หลังจบงานเลี้ยงหลานชายและเพื่อน 10 คน ชวนกันไปกินกันต่อที่ร้านอาหารไทย เมืองฮิโรชิมา ซึ่งหลานได้ไลน์มาพูดคุยกับแฟนสาวที่อยู่จังหวัดเลย จนถึงเวลาตีสองในประเทศไทยก็ขาดการติดต่อ จนรุ่งเช้าแฟนสาวของหลานได้ติดต่อไปก็ติดต่อไม่ได้ ทางครอบครัวและญาติเป็นห่วงมาก ติดต่อไปยังโครงการที่น้องฝึกงานและเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่าพบตัวหลานเสียชีวิตใต้บันไดฉุกเฉินในร้านอาหารไทยที่ไปเที่ยว
ทางญาติเชื่อว่าหลานโดนฆาตกรรม จึงวิงวอนสื่อไปถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือเอากระดูกกลับมาบ้านที่เมืองไทย และทางญาติอยากประสานทางญี่ปุ่นเรื่องของคดี และพร้อมจะเดินทางไปรับน้องกลับมาประเทศไทย.