ตร.ตามรวบแล้ว เจ้าหนี้โหด “ขู่ฆ่ายกครัว-จะฉุดลูกสาว” ลูกหนี้ ยันแค่ข่มขู่ เพื่อทวงเงินที่ยืมไป ไม่ได้คิดจะลงมือ รับคิดดอกเบี้ยเกินกว่า กฎหมายกำหนดจริง
จากกรณีผู้เสียหาย น.ส.รัตนากร ปานล้ำเลิศ อายุ 31 ปี ชาวบ้าน ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นำเรื่องเข้าร้องเรียนกับสภาทนายความ จ.กระบี่ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกเจ้าหนี้ขู่ฆ่ายกครัว จะฉุดลูกสาวไปรุมโทรม ทั้งยังเผยว่า เรียกเก็บดอกเบี้ยสุดโหดเป็นรายชั่วโมง พร้อมโพสต์คลิปไปตามหาลูกผู้เสียหายถึงโรงเรียน ทำให้ลูกๆ ไม่กล้าไปเรียนหนังสือ
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.พ. 68 พ.ต.อ.เทพนม สุวรรณรัตน์ ผกก.สืบสวน 3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ฐิติณัฐฏ์ ศรีสังข์ รอง ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.8 นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.สส.ภ.8 พร้อมชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จ.กระบี่ ชุดสืบสวน สภ.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นำหมายจับศาล จ.กระบี่ ที่ 132/2568 ลงวันที่ 22 ก.พ. 68 เข้าจับกุมตัว นายไพโรจน์ หรือ ต้อม สามเมือง อายุ 35 ปี ชาว ต.คลองพน อ.คลองท่อม
โดยตำรวจตามตัวเจอภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน ต.คลองพน จึงเข้าคุมตัวพร้อมแสดงหมายจับ และอ่านข้อกล่าวหาให้รับทราบ เจ้าตัวรับว่าเป็นบุคคลในหมายจับจริง โดยคดีดังกล่าว พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.เลิศชาย จำปาทอง ผบก.บก.สส.ภ.8 สั่งการให้เร่งติดตามตัว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
เบื้องต้น นายไพโรจน์ หรือ ต้อม ยอมรับว่า มีการปล่อยเงินกู้ให้กับผู้เสียหายจริง แต่เป็นการปล่อยกู้กันในฐานะคนรู้จัก และเป็นญาติกัน ซึ่งมีการตกลงคิดเป็นดอกเบี้ยกัน แต่เมื่อฝ่ายผู้เสียหายไม่มีการชำระคืน ตนจึงต้องติดตามทวงถาม และข่มขู่ไป ซึ่งในความเป็นจริง คนที่จะทำร้ายคนอื่นได้ เขาจะไม่ขู่กันแบบนี้ มีแต่จะลงมือทำเลย
…
สำหรับตนขู่เพียงเพื่อจะทวงเงินต้นจำนวน 40,000 บาทคืนเท่านั้น โดยภาพอาวุธปืนที่ส่งไปขู่ ก็เป็นภาพอาวุธปืนที่ตนหามาจากโซเชียล ไม่ได้มีอาวุธปืนจริงตามในภาพ ส่วนคลิปที่มีการไลฟ์สดในโรงเรียน ก็เป็นคลิปที่ลูกของตนถ่ายไว้ ตนจึงนำมาโพสต์ ในส่วนของการคิดดอกเบี้ยที่ว่าคิดเป็นรายชั่วโมง ยอมรับว่าตนขู่ไปแบบนั้นจริงๆ แต่ในความเป็นจริง ตนไม่ได้คิดจะเอาดอกเบี้ยตามที่ขู่ ยืนยันว่าที่ผ่านมา ไม่ได้ปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพ เพราะตนมีงานหลัก คือทำสวนปาล์ม อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเป็นคดี ก็พร้อมยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ด้านแฟนสาวของผู้ต้องหา ชี้แจงว่า เรื่องเริ่มต้นจากฝ่ายผู้เสียหายมาขอยืมเงิน บอกว่าจะเอาไปลงทุนทำน้ำมัน ตนกับสามีทำงานรับจ้างเกี่ยวปาล์ม พอผู้เสียหายมายืมเงิน แฟนก็สงสาร จึงยอมให้ยืมไป แต่ยอมรับว่า การให้คนยืมเงินเราก็ต้องหวังจะได้กำไรคืนมาบ้าง ทางฝ่ายผู้เสียหายก็ยอมรับในส่วนข้อตกลงนี้ แต่พอฝ่ายผู้เสียหายชำระคืนในส่วนของดอกเบี้ยไม่ได้ ก็มีการขอยืมเพิ่ม โดยฝ่ายผู้เสียหายเป็นคนร้องขอมาเอง แฟนตนก็ไม่ได้บังคับอะไร ส่วนเรื่องคลิปในโรงเรียน เป็นคลิปที่ลูกสาวของตนถ่ายไว้ สามีไม่ได้เป็นคนไปเดินไลฟ์สดเอง เจตนาเพียงเพื่ออยากได้เจอกับฝ่ายผู้เสียหาย เพื่อพูดคุยเจรจากัน
ตนยืนยันว่า หากเจอกันจริงๆ ตนไม่ยอมให้สามีไปทำร้ายใครแน่นอน กระทั่งครั้งหลังสุด ฝ่ายผู้เสียหายก็ขอเพิ่มมาอีก 15,000 บาท แต่แฟนตนมองว่าเยอะแล้วจึงไม่ยอมให้ ส่วนที่บอกว่าตนและแฟนปล่อยเงินกู้ มีผู้เสียหายหลายราย ตนยืนยันว่าไม่มีหากมีจริงให้เอาหลักฐานออกมา คนกู้ยืมมีเพียงผู้เสียหายรายเดียว เพราะสงสารเห็นว่าเป็นญาติพี่น้องกัน
ส่วนประเด็นที่บอกว่าแฟนเรียกเก็บดอกเบี้ย วันละ 1,500 บาท ชั่วโมงละ 800 บาท ก็ไม่เป็นความจริง เพราะพวกตนไม่ได้ปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพ แต่มีการตกลงกันว่าให้ชำระคืนทุกๆ สามวัน แต่ยอมรับว่าดอกเบี้ยที่ตกลงกันเกินจากกฎหมายกำหนด ส่วนที่ต้องเร่งทวงหนี้ ก็เพราะแฟนอยากได้เงินทุนคืน เพื่อจะนำไปลงทุนทำอย่างอื่นที่ภูเก็ต ส่วนที่บอกว่าจ่ายมาแล้วเป็นหลัก 100,000 นั้น ก็เป็นไปได้ เพราะเป็นเงินที่ยืมกันไปยืมกันมาโอนกันไปโอนกันมาหลายครั้ง
ต่อมา ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปหาหลักฐานเพิ่มที่บ้าน ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทรายขาว ดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วย ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ประกอบกิจการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการจัดหามาซึ่งเงินทุน แล้วให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต, กรรโชกทรัพย์ โดยขู่ว่าจะฆ่า ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ เบื้องต้นตำรวจคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน.