รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลุย 3 ปฏิบัติการกวาดล้าง “บุหรี่ไฟฟ้า” ขู่หากพบเจ้าหน้าที่เอี่ยว ลงโทษทันที พบลักลอบนำเข้า ส่ง ป.ป.ง. ยึดทรัพย์ได้ พร้อมสั่งทำแผนแก้ปัญหาระยะยาว พร้อมปรับปรุงกฎหมายเข้มข้นขึ้น
วันที่ 27 ก.พ. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามหันตภัยร้ายทำลายเด็กและเยาวชน และหารือมาตรการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมกับตัวแทน 17 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ตามข้อสั่งการและข้อห่วงใยของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี การแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ให้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยให้ปราบปรามและดูข้อกฎหมายในระยะยาวต่อไปว่าจะปรับแก้อย่างไรได้บ้าง
น.ส.จิราพร กล่าวว่า โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ประการแรกระยะเร่งด่วน ระยะเฉพาะหน้า ต้องมีการปูพรมปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องเน้นป้องกันการนำเข้าบริเวณชายแดน ซึ่งศุลกากรจะเป็นหน่วยงานสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่และบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นขึ้น กล่าวคือหากพบว่ามีการลักลอบนำเข้าจะไม่มีการระงับคดีเด็ดขาด และจะส่งไปที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินคดีและส่งไปที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์ต่อไป เพื่อช่วยป้องปรามไม่ให้ทางผู้นำเข้าลักลอบเข้ามาอีก โดยเฉพาะบริเวณชายแดน
ส่วนร้านค้าผู้จำหน่ายในประเทศ จะมีการปราบปรามกันอย่างเข้มข้น เพื่อกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าที่มีที่ตั้งและร้านค้าออนไลน์ โดยจะทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกัน จะเปิดให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสเข้ามาในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่อไปจะมีการขึ้นโชว์บนแพลตฟอร์ม เพื่อแสดงยอดการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ว่ามีจำนวนเท่าใด หากผ่านไปหนึ่งเดือนประชาชนก็จะเห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่
…
สำหรับการขายสินค้าบนโลกออนไลน์ที่ประชุมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเพิ่มการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน จึงได้ขอความร่วมมือกับบริษัท TikTok ให้เข้มงวดตรวจตรา จากนั้นก็จะจัดประชุมหารือร่วมกันกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มและผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อตรวจตราและหาแนวทางป้องกันการขายบนโลกออนไลน์
ประการที่ 2 จะมีการประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้โดยจะเน้นย้ำไปที่สถานศึกษาที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยเป็นพิเศษ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นเจ้าภาพหลักในการทำงานร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมประชาสัมพันธ์ และ กสทช. เพื่อประชาสัมพันธ์ถึงโทษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งในนักเรียน ครู และผู้ปกครอง
ส่วนประการที่ 3 จะมีการศึกษาข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ว่าจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายฉบับใดหรือไม่ เพื่อให้การลงโทษเข้มข้นขึ้น และให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ
เมื่อถามว่า หากมีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นกรณีการตรวจจับร้านบุหรี่ไฟฟ้า แต่มีการปิดร้านหนีไปก่อนจะมีมาตรการอย่างไร น.ส.จิราพร กล่าวว่า หากมีการลักลอบส่งเข้ามาและตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางหน่วยงานจะต้องพิจารณาดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าพร้อมที่จะดำเนินการลงโทษทันที หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เอี่ยว
สำหรับแผนปูพรมกวาดล้าง น.ส.จิราพร กล่าวว่า จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีให้มีการประเมินผลภายในระยะเวลา 30 วัน ส่วนเรื่องการวางมาตรการหรือการดำเนินการที่เกี่ยวข้องให้ทางหน่วยงานต่างๆ กลับไปทำแผนและอีก 1 สัปดาห์จะมาประชุมอัปเดตแผนการดำเนินงานกันใหม่ ก่อนที่จะไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบว่าในระยะยาวต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง