“พล.อ.ประวิตร” ปัดตอบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังยังวุ่นถกเถียงปมถอดชื่อ “ทักษิณ” พลังประชารัฐ เย้ยเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้จริง แนะทบทวนเฟส 3 ช่วยชาวนาดีกว่า
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 มีนาคม 2568 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานการประชุมศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรค และประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ภายหลังการประชุมผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.ประวิตร ถึงข้อถกเถียงการมีชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองว่าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ โดย พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถเดินทางออกจากพรรค
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้นำกล้วยหอมมาแจกสื่อมวลชนพร้อมแถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางค่อนข้างแปลก ผลักไสแนะนำให้ชาวนาไปปลูกกล้วยแทน ควรต้องศึกษาปัญหาเชิงลึกให้ถ่องแท้กว่านี้ มีแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาพันธุ์พืช การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพชาวนาเพื่อแข่งขันในระดับโลกได้
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า อีกไม่กี่วันรัฐบาลจะแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 งบประมาณ 27,000 ล้านบาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16-20 ปี ตนมองว่าควรนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนชาวนาน่าจะดีกว่า เหมือนสมัยพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินรายละ 20 ไร่ บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นชาวนาได้

…

ทางด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 สมควรทบทวน เพราะตัวเลขจีดีพีแสดงชัดเจนแล้วว่าการแจกเงินทำนองนี้ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจแท้จริง ไม่ได้เกิดพายุหมุน 4 ลูกตามที่โฆษณา แต่กลับเมินคำเตือนที่แนะนำให้ใช้กระสุนด้านการคลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแทน การกู้หนี้สาธารณะเอามาแจกเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
อีกทั้งการแจกเงินให้คนอายุ 16-20 ปีนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ยังไม่ได้ช่วยจ่ายเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเข้ามาเพื่อใช้บริหารประเทศ ต้องอาศัยการสนับสนุนจุนเจือจากสังคมเป็นรายวันด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุผลที่จะเอาเงินภาษีคนทั้งประเทศไปใช้แบบนี้ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรพิจารณาว่ามีเจตนาจะตกเขียวซื้อความนิยมคนหนุ่มสาวที่จะมีสิทธิเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าหรือไม่.

