“นายกฯ แพทองธาร” แจงดราม่าพาลูกวิ่งเล่น ไม่รบกวนการทำงาน เผยปัญหาปลาหมอคางดำสั่งกรมประมงเร่งแก้แล้ว ยันทุกปัญหาไม่เคยละเลย เมิน “เรืองไกร” ขู่ฟ้องหมิ่น ลุยทลายบุหรี่ไฟฟ้า ไม่จบไม่เลิก ขยายจับกุมต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 11.21 น. วันที่ 19 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ว่า ติดตามต่อเนื่องเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อวานทางตำรวจได้มีการทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้า และจับตัวการใหญ่แล้ว จึงขอติดตามต่อกับทางกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ทั้งนี้เพื่อขยายการจับกุมต่อเนื่องไปถึงตัวการใหญ่อื่นๆ รวมถึงบริษัท shipping ที่จะต้องมีบทลงโทษที่ชัดเจนหากพบว่ามีการกระทำความผิด
“ดิฉันจึงอยากให้มีการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ ไปจนถึงการ Seal บริเวณเขตชายแดนอย่างเข้มงวด ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากทางหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ตำรวจ DSI เจ้าหน้าที่ สคบ. ในการรวบรวมเบาะแส ป้องกันไม่ให้มีการนำเข้ามาใหม่ ทั้งหมดนี้คือมาตรการเชิงรุกที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อ #ไม่จบไม่เลิก ค่ะ”

…


ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมจะยื่นศาลอาญาเพื่อเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.แพทองธาร ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยเมื่อได้ยินคำถาม นายกรัฐมนตรีหยุดคิดสักครู่ก่อนจะกล่าวในเชิงคำถามว่า “ดิฉันพาดพิงคุณเรืองไกร” ผู้สื่อข่าวบอกว่า นายเรืองไกรยืนยันว่าได้รวบรวมหลักฐานพร้อมแล้วที่จะไปยื่นฟ้อง นายกรัฐมนตรีจึงตอบว่า “ค่ะ พอดีไม่ทราบตารางของคุณเรืองไกรเลย ก็แล้วแต่”
จากนั้นเวลา 11.49 น. ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ชั้น 7 อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์กรณีประเด็นดราม่าไม่สนใจการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำของกลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายประชาชน 19 จังหวัด ที่มาชุมนุมประท้วงเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 แต่กลับพาลูกๆ มาเดินเล่นที่หน้าสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างอารมณ์ดี ว่า คนเราไม่ได้มีมิติเดียว ทำงานก็คือทำงาน เรื่องของความเดือดร้อนของประชาชน อย่างเรื่องปลาหมอคางดำ เราได้มีการพูดคุยและสั่งการกรมประมงเรียบร้อยแล้ว
“จริงๆ แล้วดิฉันพาลูกวิ่งเล่นทุกวันที่มีโอกาส วันไหนที่ใกล้ชิดกับลูกได้ก็ใกล้ชิดกับลูก ไม่ได้รบกวนการทำงานแต่อย่างใด แน่นอนว่าถ้าวันที่ตารางงานแน่นไม่สามารถเจอลูกได้ ก็ไม่ได้เจอ ก็เหมือนพ่อแม่ที่ทำงานทั่วไป อันนี้ก็ต้องมีความเข้าใจในชีวิตของมนุษย์ที่ทำงาน มนุษย์แม่ก็ทำงาน มนุษย์พ่อก็ทำงาน มนุษย์ลุงป้าน้าอาก็ทำงาน ทุกมนุษย์สามารถมีครอบครัวได้ มีชีวิตที่มีความสุขของตัวเองได้ ในแง่ของตัวเองการจัดสรรเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ได้แปลว่าเราทำอย่างหนึ่งแล้วไม่ได้ทำอย่างหนึ่ง แต่ในเรื่องงานดิฉันแทบจะอยู่ในหัวตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำงานทุกวัน แนะนำให้ทุกท่านดูแลสุขภาพ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง นั่นเป็นสิ่งที่ดีทั้งกับองค์กร ครอบครัว งาน และกับประเทศ”


เมื่อถามว่าจะให้คำมั่นและความสบายใจกับชาวบ้านที่อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่า คำถามนี้ดีมาก อย่างเมื่อวันที่ 18 มีนาคม สมาคมประมงก็มาขอบคุณเรื่องของประมง ตนได้บอกไปว่าทุกปัญหาของประชาชนไม่ว่าเป็นจังหวัดใด เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว อันไหนรีบดูแลได้ก็จะรีบ อันไหนเร่งดูแลได้ก็ทำ อันไหนต้องรอเพื่อความแน่ชัด เพื่อความชัดเจนและเพื่อความปลอดภัย ก็ต้องทำ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ฉะนั้น ทุกปัญหาไม่มีการชั่งใจว่าปัญหาไหนสำคัญกว่าปัญหาไหน เพราะตนจะคิดถึงว่าถ้าเป็นเรา ซึ่งคำนี้มันอยู่ในใจในทุกปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นอะไรแก้ได้ อันไหนหาทางได้ เร่งทำแน่นอน เช่น เรื่องเกี่ยวกับชีวิต เรื่องคอขาดบาดตาย ถือเป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องช่วยแก้ไขอยู่แล้ว คือสิ่งที่ยึดถือ ขอให้เชื่อมั่นตรงนี้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราก็รีบทำ อย่างเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บางคนที่ทำงานอาจจะไม่ได้ออกสื่อมากมาย แต่ทำงานอย่างแข็งขัน ฉะนั้นทุกคนทำงานจริงๆ ไม่ได้ละเลย.


