สภาเดือดหนักโต้กันวุ่น ฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนแผ่นดินไหวขึ้นมาถกก่อน ด้านรัฐบาลเสนอญัตติขอเลื่อนวาระกฎหมายขึ้นมาพิจารณาก่อนในประชุมพุธหน้า ดันร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เรื่องแรก “วันนอร์” ปรามจนอารมณ์ขึ้นหลังถูกประท้วง
วันที่ 3 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงบ่ายเป็นไปด้วยความดุเดือด แม้จะมีการพักประชุมไปแล้วช่วงหนึ่ง โดยฝ่ายรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอเสนอญัตติเปลี่ยนระเบียบวาระของการประชุม โดยขอนำขึ้นมาพิจารณาก่อนวาระที่ 4 เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยให้มีผลในการประชุมครั้งต่อไป (วันพุธที่ 9 เมษายน 2568) ดังนี้
1. ร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ (ระเบียบวาระเรื่องด่วนที่ 15 ของการประชุมครั้งที่ 29 เป็นพิเศษ)
2. ร่างพระราชบัญญัติตามระเบียบวาระของการประชุมครั้งที่ 28
2.1 ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. นายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ (ตามระเบียบวาระที่ 5.12)
2.2 ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. นายปรีดา บุญเพลิง กับคณะ เป็นผู้เสนอ (ตามระเบียบวาระที่ 5.8)
2.3 ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. …. นายชัยธวัช ตุลาธน กับคณะ เป็นผู้เสนอ (ตามระเบียบวาระที่ 5.4)
2.4 ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน พ.ศ. …. นางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 36,732 คน เป็นผู้เสนอ (ตามระเบียบวาระที่ 5.28)
…
ขณะที่ฝ่ายค้านลุกขึ้นโต้ว่าไม่เห็นด้วยเพราะมองว่าญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอตาม ควรที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก่อน จนเกิดวิวาทะโต้ตอบและพาดพิงกันไปมาไม่หยุดทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ต่อมาเวลาประมาณ 15.10 น. บรรยากาศในที่ประชุมสภาฯ ร้อนแรงขึ้นอีก เมื่อช่วงหนึ่งนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ประท้วงว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ ที่พยายามห้ามปรามการโต้แย้งของทั้งสองฝ่ายโต้กลับอย่างมีอารมณ์ว่า “คุณประท้วงผมเรื่องไร ผมทำผิดบังคับข้อไหน เอาเลยๆ มา ผมทำผิดบังคับข้อไหนครับ บอกเลย” นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ประธานสภาฯ ให้โอกาสฝ่ายรัฐบาลพูดมากกว่าฝ่ายค้าน มีการปิดไมโครโฟนขณะฝ่ายค้านพูดบ่อยครั้ง และขอให้ควบคุมการประชุม โดยประธานสภาฯ กล่าวขอให้ร่วมกันรักษาความสงบ จะบอกว่าตนผิดก็โอเค ขออภัยด้วย และขอให้ทุกคนพอเพื่อให้การประชุมดำเนินต่อไปได้
ขณะนั้น นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขอประท้วง โดยประธานสภาฯ ขอให้พอโดยระบุว่า “คุณต้องการยังไง ต้องการให้ที่ประชุมลงมติไม่ได้ ผมบอกแล้วผมดำเนินการตามข้อบังคับ คุณรังสิมันต์ครับ ขอร้องเลยนะครับ มันจะซ้ำประเด็น ผมไม่อนุญาต” ก่อนที่จะเสียงเข้มขึ้นย้ำว่า “ผมไม่อนุญาตครับ” และลุกขึ้นยืนทันที ซึ่งการที่ประธานสภาฯ ยืนขึ้นสมาชิกทุกคนในห้องต้องนั่งลง ในขณะนั้นมีเสียงโวยดังขึ้น ประธานสภาฯ จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้ามา และกล่าวต่อไปว่า “ผมรู้ความประสงค์ของคุณเป็นยังไง คุณจะทำยังไงก็ทำไป บ้านเมืองเราอยู่โดยกฎเกณฑ์ ต้องการจะเอาอะไรได้ดั่งใจ มันไม่ได้ดั่งใจนะครับ ต้องถอยคนะละก้าว” เมื่อยังมีเสียงตะโกนอยู่ ประธานฯ จึงเรียกเจ้าหน้าที่อีกครั้ง และขอความกรุณานั่งลงเพื่อลงมติ

จากนั้น ประธานสภาฯ ให้สิทธินายรังสิมันต์ พูดเพียงคนเดียว แต่ถ้าจะพูดเพื่อสร้างความวุ่นวาย เพื่อให้เกิดประท้วง ไม่ยอมและไม่อนุญาต พร้อมระบุว่า ถ้าจะเอาชนะคะคานกันมันเป็นไปไม่ได้ ตนอยากให้ได้ทั้งคู่ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ถ้าจะให้การประชุมดำเนินไปไม่ได้มันผิดวิสัยของการประชุม มันต้องมีสมหวังและไม่สมหวัง ซึ่งตนก็อยากให้สมหวังทั้งคู่
ทางด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองพยายามเต็มที่อย่างอดทนอดกลั้น และขอประท้วงประธานว่า การพิจารณาเรื่องนี้ประธานให้สิทธิรัฐบาลมากกว่า และควรจะให้ฝ่ายค้านได้ร่วมอภิปรายก่อนการลงมติ อีกทั้งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็กำลังพยายามทวนว่าจะลงมติเรื่องอะไร ประธานต้องวินิจฉัย แต่หลายกรณีไม่มีการวินิจฉัย จึงเป็นเหตุผลที่ต้องประท้วง
“พวกเราพยายามปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี ด้วยความใจเย็น ตั้งแต่ห้องหลังบัลลังก์เราก็พยายามใจเย็น แต่ว่าบางครั้งผมอยากจะขอร้องว่าไม่จำเป็นต้องใช้ข้อกล่าวหาที่รุนแรงกับเราเลยครับ ไม่ว่าจะทำให้การลงมติไม่ได้ ข้อกล่าวหาว่าไม่ฟังอะไรต่างๆ พวกเราพยายามที่จะรักษากติกา แล้วเราก็อยากจะเดินหน้าในเรื่องของญัตติจัดการแผ่นดินไหว เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เท่านั้นเองครับ แต่กลายเป็นว่าวันนี้เรากลับเห็นไม่ตรงกัน แล้วมีบางฝ่ายที่รอไม่ได้ มันก็เลยทำให้เกิดความวุ่นวายแบบนี้”

ประธานสภาฯ จึงเข้าสู่ขอมติที่ประชุมว่าถ้าเห็นด้วยกับญัตติของ นายณัฐพงษ์ ให้กดเห็นด้วย ถ้าเห็นด้วยกับญัตติของ นายอนุสรณ์ ให้กดปุ่มไม่เห็นด้วย โดยผลโหวตที่มากกว่า ก็จะนำญัตตินั้นขึ้นมาพิจารณาก่อน ผลปรากฏว่า
- เห็นด้วย 144 เสียง (ลงคะแนนด้วยวาจา 1)
- ไม่เห็นด้วย 252 เสียง
- งดออกเสียง 2 เสียง
- ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง

สรุปแล้วคือที่ประชุมเห็นด้วยกับญัตติของ นายอนุสรณ์ คือให้ลงมติในเรื่องนี้ก่อน ขณะที่ก่อนลงมติยังเกิดการถกเถียงขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝ่ายค้านทักท้วงว่าไม่มีการเปิดให้อภิปรายความสำคัญจำเป็นที่จะต้องนำร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นมาพิจารณาก่อนกฎหมายอื่นๆ ซึ่งประธานพยายามปรามและให้เข้าสู่การลงมติอีกครั้งว่าจะเห็นด้วยกับการเลื่อนระเบียบวาระที่ นายอนุสรณ์ เสนอหรือไม่ โดยผลออกมาว่าเห็นด้วยให้เลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมาเป็นวาระแรกและตามลำดับ ผลการลงมติเป็นดังนี้
- เห็นด้วย 249 เสียง
- ไม่เห็นด้วย 137 เสียง (ลงคะแนนด้วยวาจา 5)
- งดออกเสียง 2 เสียง
- ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง

หลังเสร็จสิ้นการลงมติดังกล่าว จึงเข้าสู่ญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณามาตรการในการจัดการผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบ โดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอตามข้อ 54 (1) และมีพรรคการเมืองอื่นๆ เสนอในทำนองเดียวกัน เพื่อส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป.