นายกรัฐมนตรีเผยผลหารือ “อันวาร์ อิบราฮิม” ลุยเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ขอคณะเจรจาสันติภาพทำงานราบรื่น พร้อมผนึกกำลังอาเซียนต้านกำแพงภาษีสหรัฐฯ

วันที่ 17 เม.ย. 2568 ที่ทำเนียบ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือทวิภาคีกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อเจรจาทำงาน (Working Visit) ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลว่า มีการพูดคุยกัน 3 เรื่องหลัก เรื่องแรก สะพานสุไหงโกลก อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2027 เรื่องที่สองคือ ความสงบในภาคใต้ ซึ่งจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ โดยมีความเห็นตรงกันว่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อจะได้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน ส่วนที่สามคือ ภาษีสหรัฐอเมริกา โดยหาแนวทางการรวมพลังระหว่างอาเซียน

“พิชัย” นัดคุยระดับ รมต. 23 เม.ย.

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการผนึกกำลังอาเซียนเพื่อต่อสู้กับมาตรการภาษีว่า ในรายละเอียด ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียน ไม่เน้นเรื่องความรุนแรง การเจรจาแบบไหนที่วิน-วินได้ เราพยายามทำแบบนั้น เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาลเดินหน้าไปมากแค่ไหน เพราะช่วงสงกรานต์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาบอกว่าได้พูดคุยกับคนรอบข้างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐไปหลายคนแล้ว น.ส.แพทองธาร ตอบว่า นายทักษิณ ได้คุยแบบไม่เป็นทางการหลายคนแล้ว ถือเป็นประโยชน์การไม่ได้คุยกับคนที่มีตำแหน่งโดยตรง สามารถรวบรวมความคิดเห็นกันได้ก่อน และทางอเมริกาอยากได้ความคิดเห็นของไทยด้วยเช่นกัน แต่เรื่องการพูดคุยทางการ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จะไปคุยก่อน ตอนนี้สามารถนัดวันได้แล้วคือวันที่ 23 เม.ย.นี้ โดยเป็นการคุยกับระดับรัฐมนตรี แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใครรอการยืนยันอีกครั้ง

ลั่นไม่ยอมให้ไทยเสียประโยชน์
เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลไทย  น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่าข้อเจรจาต่อรองของเราที่เตรียมไปแข็งแรงพอสมควร มั่นใจว่ามันจะเป็นเรื่องบวกบวกของทั้งสองประเทศ อย่างให้คุยกันเป็นแนวนั้นเพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนาน คิดว่าน่าจะคุยแล้วเกิดผลดี เราต้องดูผลประโยชน์ของประเทศเรา ของประชาชนไม่ให้เสียไป อันนี้เป็นเรื่องสำคัญและทราบอยู่แล้วว่าต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ เมื่อถามอีกว่าจุดแข็งของเราคืออะไร น.ส.แพทองธาร ตอบว่าจุดแข็งเรามีสินค้ามากมายที่ส่งให้เขา และความจริงสินค้าเราราคาดีหลายอย่าง ไม่ใช่แค่สินค้าเกษตร ทุกรายละเอียดเคยถูกกางมาแล้วตั้งแต่ก่อนมาตรการภาษีจะออก

บอกดูแลผู้ประกอบการเต็มที่

น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึง มาตรการช่วยผู้ประกอบการนำเข้าส่งออกของไทยด้วยว่า นอกจากติดต่อกับสหรัฐแล้ว ตนยังพูดคุยกับทีมทำงานว่าเราควรสนับสนุนเอกชนในการลงทุนในต่างประเทศด้วย ที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังทำให้ชัดเมื่อเป็นรูปเป็นร่าง ตอนนี้ภาคเอกชนที่ไปลงทุนต่างประเทศไปด้วยตัวเองถ้าได้ภาครัฐสนับสนุนอาจทำได้ดีกว่าเดิม ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมาถ้าได้การสนับสนุนจากภาครัฐคงเป็นความร่วมมือที่ทำประโยชน์ให้ประเทศอย่างมาก เมื่อถามว่าได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่าความจริงต้องมีการปรับตัวเพราะภาษีต่างๆ ยังไม่ได้ถูกปรับใหม่ ทำให้ออกมาเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานจริงๆ บางอันเราอาจได้เปรียบมากขึ้นบางอันประโยชน์อาจจะน้อยลง มันต้องเกลี่ยทั้งกระดาน ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจว่าตนเป็นนักธุรกิจมาก่อนทราบว่าไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ แต่เราพยายามคุยตรงนี้ให้เราเองแข็งแรงในการเจรจาต่อรอง ขอให้มั่นใจรัฐบาลดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าการเจรจาจะเจรจาภาษีทั้งระบบหรือเป็นสินค้าแต่ละชนิด นายกฯ กล่าวว่าให้นายพิชัยเป็นผู้แถลง

มั่นใจ “ทรัมป์” นักธุรกิจคุยกันได้

เมื่อถามว่าช่วงสงกรานต์นายทักษิณ ได้แนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้เจอที่เชียงใหม่ก็ได้พูดคุยกัน โดยตนรีบไปนั่งรถกับท่านแล้วให้ลูกนั่งรถอีกคัน ท่านก็อัพเดทเรื่องของสหรัฐว่าได้คุยกับคนนั้นคนนี้ คุยไปทิศทางว่าจะไปทางนั้นทางนี้อย่างไรบ้าง ตอนที่ตนเด็กๆ อายุ 10 ขวบมีโอกาสพบกับครอบครัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองไทย ได้ทานข้าวด้วยกัน นายทักษิณ ทราบแนวทางของนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นนักธุรกิจ ท่านก็บอกว่าสามารถคุยกันได้อยู่แล้วอะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งเขาและเรา เขาแค่ไม่อยากเสียประโยชน์ของเขา เพราะมีประเทศใหญ่ๆ อีกมากที่ดีลกับเขาโดยตรง เขาก็พยายามให้ทุกประเทศแฟร์ ซึ่งเราก็ดูแนวทางมาว่าประมาณไหนบ้างก็ปรึกษากัน

ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพ มีการพูดคุยว่าคณะเจรจาจะสนับสนุนเพิ่มเติมอย่างไรได้บ้าง หากมีการพูดคุยในระดับของรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีแล้ว ในขั้นของคณะเจรจาจะต้องมีการพูดคุยอย่างราบรื่น เพราะบางทีเมื่อไม่ได้พูดคุยกันในทุกระดับก็จะมีความท้าทายในการทำงาน จึงขอให้ทุกระดับพูดคุยกันให้ชัดเจน