“พิชัย” รองนายกฯ และ รมว.คลัง แถลง รัฐบาลขอชะลอแจก “เงินดิจิทัลเฟส 3” รอสถานการณ์เหมาะสม อ้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โต้ไม่มีเงิน
วันที่ 19 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผนภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ซึ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมีวาระพิจารณาที่สำคัญคือ แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมวงเงินนี้มีไว้สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการประชุมว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันอยู่ในภาวะผันผวน เนื่องมาจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีศุลากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบประเทศต่างๆ การเติบโตของโลกและไทยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำให้ต้องมาประชุมทบทวนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง และเปิดเผยถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 สรุปเดินหน้าต่อหรือต้องทบทวน ว่า “ทบทวนค่ะ เดี๋ยวให้กระทรวงการคลังแถลง”
ขณะที่ นายพิชัย แถลงข่าวพร้อม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โดยกล่าวว่า ที่ประชุมได้ตัดสินใจชะลอโครงการแจกเงิน 10,000 ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตออกไปก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าปีนี้จะขยายตัวเพียง 1.8% จากปัญหาที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ทำให้สะดุดกันทั่วโลก ไทยเองก็ต้องทบทวน เพราะเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวลดลงก็กระทบทั้งเรื่องส่งออกและการจ้างงาน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้คิดคนเดียว ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ก็มีความเห็นให้ทบทวนโครงการแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีความเห็นทำนองเดียวกัน ส่วนจะนำโครงการนี้กลับมาอีกหรือไม่ต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจก่อน
…

สำหรับวงเงินที่เตรียมไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ให้หน่วยงานขอรับงบประมาณกรอกแบบฟอร์มขอใช้งบมาภายใต้กรอบดังนี้
1. การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวกับน้ำ ซึ่งจะมีโครงการต่อเนื่องเป็นงบผูกพันไปถึงปี 2569-2571 รวม 500,000 ล้านบาท มาเพิ่มเติม
2. การพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคม ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ และถนนต่างๆ
3. การพัฒนาการท่องเที่ยว ในเรื่องปัญหาเฉพาะหน้าและเรื่องเร่งด่วน ตลอดจนการพัฒนาห้องน้ำและทำสิ่งปลูกสร้างแมนเมด (man-made)
4. การจัดหาวงเงินกู้ซอฟต์โลนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
5. ทบทวนการสร้างงานผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน
6. ใช้ดิจิทัลมาเพิ่มขีดความสามารถในการจ้างงาน
“วันนี้ยังไม่เห็นตัวโครงการจริงๆ ต้องรอให้หน่วยงานรับงบประมาณเสนอโครงการขึ้นมาให้คณะอนุกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาก่อน โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ดำเนินการในปีหน้า ทั้งหมดจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 0.7-1%”
เมื่อถามว่านอกจากปัจจัยภาษีสหรัฐฯ แล้ว เป็นเพราะเงินคงคลังไม่เพียงพอใช่หรือไม่ นายพิชัย ตอบว่า ปัจจัยทำให้ชะลอโครงการนี้คืองบประมาณมีอยู่แล้ว เพียงแต่คิดว่าจะใช้งบฯ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างไร ตอนที่คิดเรื่องเงินดิจิทัล วันนั้นเราคาดหมายว่าคาดหมายว่าเศรษฐกิจจะยื่นอยู่ที่จีดีพี 3.3-3.5 % เงินเฟ้อเงิน 1.2-1.5 ฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ทุกค่ายมองว่าไทยอยู่ในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ค่อยๆ ขึ้น รัฐบาลจึงใส่กระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการเติบโต แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน มีข้อจำกัดจากปัจจัยนอกประเทศ และกระทบภายในประเทศ ต้องมีการปรับแผนการใช้เงิน ไม่ได้เกี่ยวกับมีหรือไม่มีเงิน.