“ทักษิณ” ชี้ คดีฮั้วเลือก สว. หยุดกลางกระบวนการไม่ได้ โอบไหล่ “อนุทิน” โชว์หวาน ยันรัฐบาลไม่สั่นคลอน ไม่มีเปลี่ยนนายกฯ กลางคัน เมิน “จตุพร-สนธิ” กอดกัน พร้อมใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวช่วยพูดคุยเมียนมา จีน แก้ปัญหาแม่น้ำกก
เมื่อเวลา 14.55 น. วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฮั้วเลือก สว. ภายหลังปาฐกถาพิเศษเรื่องยาเสพติดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะมีการร้องเรียนไปที่ กกต. ซึ่งมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมด้วย โดยมีพยานหลักฐานต่างๆ ไหลไปที่ดีเอสไอ เขาจึงทำตามหน้าที่ ไม่ต้องมีใครไปสั่ง ถ้าไม่ทำเขาอาจจะโดนมาตรา 157 เมื่อเขามีพยานหลักฐาน
ส่วน สว. หรือผู้ถูกกล่าวหาก็แก้ไปตามประมวลกฎหมาย ทุกอย่างเมื่อมีกระบวนการเข้าไปแล้ว ก็ต้องจบที่กระบวนการ เหมือนตนที่ถูกทหารเกี่ยวเบ็ดไว้ 112 ตอนสมัยปฏิวัติ เมื่อตนกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการให้จบ เราบริสุทธิ์ก็อธิบายให้บริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เมื่อมีกระบวนการแล้ว การจะหยุดกลางกระบวนการไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ยังมีปัญหาหรือคดีค้างอยู่

…
เมิน “สนธิ-จตุพร” กอดกัน
ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏภาพระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวมกอดกันว่า “ก็หลากหลายอารมณ์” เมื่อถามต่อไป การจับมือกันระหว่างนายสนธิ กับนายจตุพร ที่มีการประกาศว่าจะร่วมมือกันต่อต้านระบอบทักษิณ เมื่อได้ฟังเรื่องนี้แล้วมีความรู้สึกขนลุกหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ไม่รู้ว่าอะไรลุก ขนไม่ลุก อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ ตนมีลูกเมีย มีหลานต้องเลี้ยงเอง ตนไม่ต้องเลี้ยงลูกเมียคนอื่น ส่วนคำถามว่าขณะนี้เจอปั่นทั้งซ้ายทั้งขวา นายทักษิณ บอกว่าไม่เป็นไร บังเอิญตนเป็นคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะแก่แล้ว แต่ตนห่วงคนปั่น กลัวจะเครียดแล้วเส้นโลหิตในสมองแตกติดเตียง ตนเป็นห่วง ขี้เกียจไปเยี่ยม
ขณะที่คำถามว่ามีโอกาสที่จะเห็นภาพระหว่างนายทักษิณ กับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย สวมกอดกันบ้างหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “ผมเจอกันหลายรอบ เจอกันเป็นประจำ” ผู้สื่อข่าวถามต่อ ล่าสุดเมื่อไหร่ นายทักษิณ หันหน้าไปมองนายอนุทิน ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนพูดว่าเดือนกว่าเองมั้ง แต่นายอนุทิน ตอบว่า 2 เดือน ทำให้นายทักษิณ หันมาพูดกับสื่ออีกครั้งว่า 2 เดือน
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่ามีสงครามตัวแทนระหว่างพรรค นายทักษิณ เผยว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ ทุกอย่างมีกติกาของมันอยู่แล้ว หนึ่งมีกติกา สองเราก็ต้องมีมารยาทในการร่วมรัฐบาลต่อกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่ากระแสปั่นนี้ปั่นไปถึงเรื่องความสั่นคลอนของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่าไม่มี ไม่เกี่ยวเลย พรรคร่วมรัฐบาลจะไปสั่นคลอนได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวถามย้ำยังคงเหนียวแน่นใช่หรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ไม่มีอะไรเลย ก็อยู่ด้วยกันทุกวันนี้ ในคำถามว่าจนจบสมัยเลยหรือไม่ นายทักษิณ เผยว่าอยู่กันจนจบแน่นอน ไม่ต้องห่วงเลย


ไม่มีเปลี่ยนนายกฯ กลางคัน โชว์โอบไหล่ “อนุทิน”
ในประเด็นคำถามว่าจะไม่มีการเปลี่ยนนายกฯ กลางคันใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “ไม่มี ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสิน โน้นยังอีกนาน ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ” เมื่อถามว่าชัดๆ พรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะกอดคอไปด้วยกันจนจบใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบทันทีว่า “ก็ตอนนี้ยังกอดได้อยู่” จากนั้นนายทักษิณ ยกมือขึ้นโอบไหล่ นายอนุทิน ซึ่งนายอนุทินยิ้มแล้วยกมือไหว้
ก่อนหน้านี้มีเรื่องสงครามตัวแทน และพุ่งเป้าไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เช่นกรณีของ นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร ส.ว. ที่ไปยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย นายทักษิณ ตอบว่า ตนไม่ได้เจอนางกุสุมาลวตี มากี่ปีแล้วเนี่ย เขาออกจากพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ไปตั้งนานแล้ว ออกไปย้ายไม่รู้กี่พรรค ไม่เจอตั้งนาน เมื่อถามย้ำว่าเป็นห่วงนายอนุทินหรือไม่ เพราะตอนนี้โดนร้องเรื่องจริยธรรมด้วย นายทักษิณ กล่าวว่า “โอ๊ย เขาเอาตัวรอด ไม่ต้องห่วง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้ ไม่หวั่นไหวหรอก” อย่างไรก็ตามเมื่อถามอีกว่าได้เห็นภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลื่นล้มแล้วหรือยัง นายทักษิณ ตอบว่า “สงสาร ไม่รู้เป็นไงบ้าง”

พร้อมใช้สัมพันธ์ส่วนตัวช่วยพูดคุยเมียนมา-จีน
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ส. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก ว่า วันที่ 27 พ.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ได้คุยกับทางเมียนมาและจีน รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ไปด้วย เพื่อให้ควบคุมเรื่องนี้ และแน่นอนว่าจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย เพราะเขารู้ว่า รมว.ต่างประเทศก็เคยทำงานกับตนเอง และได้พบกับพล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพเมียนมา และพล.อ.อาวุโสตาน ฉ่วย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศเมียนมา ได้คุยกัน ไม่มีอะไร คุยกันได้หมด วันนี้เพื่อนบ้านเราคุยกันได้หมดทุกประเทศ