“อนุทิน” นำคณะผู้แทนไทยประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ แสดงวิสัยทัศน์แผนป้องกันสาธารณภัยไทยครอบคลุมกลุ่มเปราะบางลงลึก 17,646 ชุมชน ย้ำวาระด่วนสร้างกลไกจัดการภัยพิบัติข้ามพรมแดน น้ำท่วมฉับพลัน PM2.5

วันที่ 5 มิ.ย. 2568 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงภารกิจการเดินทางเข้าร่วมการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 8 : Global Platform for Disaster Risk Reduction (GP2025) ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในระหว่างวันที่ 3 – 5 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติ CICG นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ น.ส.อุศณา พีรานนท์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 4 มิ.ย. 68 ตามเวลาท้องถิ่นของสมาพันธรัฐสวิสซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายอนุทิน ได้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในหัวข้อ “Leave no one behind – Realizing the guiding principles of the Sendai Framework” พร้อมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม มีใจความสำคัญความว่า ประเทศไทยได้บูรณาการหลักการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) กรอบเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ พ.ศ. 2558-2573 และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) เข้าไว้ในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564-2570 และเป็นแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานทุกระดับจนถึงระดับท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทั่วประเทศ

ย้ำดูแลกลุ่มเปราะบางใกล้ชิด

พร้อมระบุด้วยว่า ในปี 2568 รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทยในฐานะกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้จัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัดครบทั้ง 76 จังหวัด ระดับอำเภอและแผนปฏิบัติการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยการส่งเสริมการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติโดยชุมชน (CBDRM) ให้ครอบคลุมกลุ่มเปราะบาง เช่น สตรี ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย ผู้สูงอายุ และเยาวชน จำนวน 17,646 ชุมชน รวมทั้งสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยตั้งแต่วัยเด็ก ในหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา ครอบคลุมภัยพิบัติ 11 ประเภท เปิดโครงการอาสาสมัครเยาวชนเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและพัฒนาทักษะการตอบสนองต่อภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

“ประเทศไทยเล็งเห็นว่า การสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่องนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของภาคีเครือข่ายทุกประเทศต่อวิสัยทัศน์ร่วมกันในการและเรายังคงทุ่มเทเพื่อทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน” นายอนุทิน กล่าว

จากนั้นในเวลา 15.30 น. นายอนุทิน ร่วมหารือโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ในหัวข้อ “Accelerating financing for resilience: Tailored solutions for disaster risk reduction” ซึ่งนายอนุทิน ได้กล่าวกับที่ประชุมว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย นอกจากภัยพิบัติจากฤดูกาลแล้วยังรวมถึงภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง ซึ่งตามกรอบเซนไดเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติปี 2015-2030 มีความท้าทายที่สำคัญ นั่นคือ การลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่ไม่เพียงพอ

ชูพัฒนา Cell Broadcast

ในส่วนของประเทศไทยเองที่ได้เกิดอุทกภัยในภาคเหนือ ภาคใต้ และล่าสุดมีผลกระทบจากแผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อ 28 มี.ค. 2568 เป็นสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการมีระบบแจ้งเตือนภัยที่เชื่อถือได้เพื่อลดความวิตกกังวลของประชาชน ซึ่งรัฐบาลไทยตระหนักในเรื่องนี้และได้ดำเนินการพัฒนาระบบ Cell Broadcast ที่ส่งสัญญาณแจ้งเตือนผ่านมือถือ ระบบจะใช้งานเต็มรูปแบบในเดือนก.ค. นี้ แต่การมีระบบแจ้งเตือนยังไม่เพียงพอ ต่อไปยังต้องมีการลงทุนกับการประเมินความเสี่ยง แผนที่ความเสี่ยง การฝึกซ้อมและรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชน ควบคู่การส่งเสริมกลไกการจัดหาเงินทุน การความคุ้มครองประกันภัยสำหรับทรัพย์สินส่วนบุคคล

หวังใช้กลไกภาคีแก้ภัยพิบัติ

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมกันจัดการภัยพิบัติข้ามพรมแดน อาทิ น้ำท่วมฉับพลันและมลพิษ PM2.5 ที่กำลังส่งผลกระทบในประเทศต่างๆ มากขึ้น ต้องมีกลไกเสริมสร้างการฟื้นตัวร่วมกัน และขอให้ภาคีสหประชาชาติร่วมสนับสนุนทางเทคนิค การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาระหว่างกัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การประชุม GP เป็นการประชุมตามพันธกรณีของกรอบการดำเนินงานเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ค.ศ. 2015 – 2030 (กรอบเซนได) ที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุก ๆ 2 – 3 ปี นับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 โดยที่ประชุมจะมีการหารือและแลกเปลี่ยนการดำเนินงาน ด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในหลากหลายมิติที่ครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี และมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านการจัดการภัยพิบัติ เข้าร่วมการประชุมฯ โดยมีสำนักงานเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDRR เป็นองค์กรหลักดูแลเพื่อเป็นกลไกติดตามการขับเคลื่อน สำหรับประเด็นหลักของ GP2025 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “Every day counts, act for resilience today” เพื่อสื่อถึงความเร่งด่วน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายของกรอบเซนไดให้บรรลุผลภายในช่วง 5 ปีต่อจากนี้