“ประเสริฐ” แย้มชงกฎหมายรับพนันออนไลน์เข้า ครม. เมษายนนี้ รอคุย มหาดไทย-กฤษฎีกาให้ได้ข้อสรุปก่อนออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือ ประกาศกฎกระทรวง
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ทำเนียบนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้กฎหมายระดับรอง เพื่อรองรับให้มีพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ว่าขณะนี้คณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดีอี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ประชุมผ่านกันไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ จะมีการประชุมอีกครั้งหนึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเพื่อนำไปเป็นร่างกฎหมายระดับรองต่อไปกำลังพิจารณาว่าจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) หรือประกาศกฎกระทรวง โดยการพนันออนไลน์ที่จะต้องทำให้ถูกกฎหมาย จะมีเรื่องพนันบอล มวย ส่วนจะมีการพนันประเภทอะไรเพิ่มเติมนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป หลังจากทั้ง 3 หน่วยงานคุยกันเรียบร้อยแล้วก็ต้องยกร่างกฎกระทรวง หรือพระราชกฤษฎีกาออกมา ซึ่งจะต้องมีอีกหลายกระบวนการ อาทิ การรับฟังความคิดเห็นก่อนนำเข้าครม. คาดว่าจะอยู่ในกรอบของเดือนเมษายนนี้ เมื่อถามว่าคิดว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม.ได้เมื่อใดนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะภายในเดือนเมษายน 2568 เมื่อถามว่าสำนักงานกฤษฎีกามีข้อท้วงติงอะไรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตีความคำนิยามบางคำ อย่างไรก็ตามกฎหมายระดับรองนี้จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยไม่ต้องรอขั้นตอนการแก้ไขร่างพ.ร.บ.การพนัน ที่กระทรวงมหาดไทยจะเสนอแก้ไขและต้องผ่านขั้นตอนของสภา
โดยการนำพนันออนไลน์มาทำให้ถูกกฎหมายนั้น มี 3 เป้าหมายหลัก คือ 1.เพื่อจัดเก็บรายได้ในรูปแบบภาษีเพิ่มรายได้ให้ประเทศ 2.การลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงินที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการฟอกเงิน และ 3.การสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
…
เชื่อญัตติแก้ข้าวไม่เกี่ยวปรับครม.
นายประเสริฐ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 7 พรรคการเมือง เสนอญัตติด่วน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว เนื่องจากราคาตกต่ำ เกี่ยวข้องกับการเขย่าก้าวอี้รัฐมนตรี ของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ว่า ต้องแยกประเด็น เนื่องจากเมื่อวานที่มีการเสนอญัตตินี้ขึ้นมาเนื่องจากว่า สส.ไปรับฟังปัญหามาจากประชาชน โดยเฉพาะราคาข้าว ที่สะท้อนมาจากหลายจังหวัด และเห็นว่าพรรคแต่ละพรรคน่าจะมีการเห็นพ้องต้องกัน เพราะปัญหาเหล่านี้ต้องนำมาพูดกันในเวทีของสภาฯ เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้รับทราบและแก้ไข เมื่อถามย้ำว่าจะเกี่ยวข้องกับการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายประเสริฐ มองว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน เพราะเมื่อมีปัญหาก็แก้ไขกันไป เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติรับฟังปัญหามาก็สะท้อนให้ฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้นเรื่องไหนเข้าสภาฯ ก็ขออย่าไปมองว่าจะกระทบต่อการปรับโครงสร้างทางฝ่ายบริหาร