“เท้ง ณัฐพงษ์” จี้รัฐบาลสื่อสารให้ชัดปมเจรจาภาษีสหรัฐฯ ลั่น เป็นไปไม่ได้พรรคประชาชนเสียบแทนภูมิใจไทย หลังมีกระแสผลักออกพรรคร่วม พร้อมเตือน ไม่ควรยัดร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในประชุมสมัยวิสามัญงบประมาณ 2569

วันที่ 23 เมษายน 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงการเจรจาต่อรองกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา ว่า น่าจะยังมีการสื่อสารไม่ตรงกันว่าสรุปแล้วทางสหรัฐฯ เป็นฝ่ายเลื่อนหรือไทยเป็นคนเลื่อน ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดหรือสื่อสารไม่ตรงกัน ถ้าจุดเริ่มต้นไม่ตรงกัน เช่น ฝั่งไทยบอกว่าสหรัฐฯ ขอเลื่อน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งอาจจะมองว่าไทยไม่ได้นัดไป จริงหรือไม่ ตนจึงมองว่าการเจรจามีข้อสะดุดหรือไม่ราบรื่น

เมื่อถามว่าวีซ่าที่สหรัฐฯ แบนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน จะมีผลต่อการเจรจาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสื่อสารมาโดยตลอดว่าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การที่สหรัฐฯ มีการแบนวีซ่าผู้นำไทยในระดับแกนนำรัฐบาล เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจของรัฐบาลกระทบต่อเรื่องนี้ และเราก็แสดงความเป็นห่วงมาตลอด ย้ำว่ารัฐบาลควรแสดงความชัดเจนเรื่องนี้ให้มากขึ้นว่าตกลงแล้วการเจรจา รวมถึงวันเจรจา เรามีความพร้อมมากแค่ไหน อย่างไร

ขณะเดียวกัน นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลจะผลักพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออก แล้วเอาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าไปแทน ว่า เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจ หากจะมองต่อไปเรื่องสมการและตัวเลขการเมือง หรือจำนวน สส. ของฝ่ายค้าน ก็ยังมีส่วนคดี 44 สส. อาจจะส่งผลกระทบต่อ 25 สส.ของพรรคประชาชนที่อยู่ในสภาฯ ด้วย และตัวแปรนี้ก็อาจส่งผลกระทบทางการเมือง ส่วนคำถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเอาพรรคภูมิใจไทยออกแล้วเอาพรรคประชาชนเข้าไปแทน นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ไม่น่าเป็นไปได้อยู่แล้ว ตนยืนกรานไปหลายครั้งว่าในสภาฯ ชุดนี้ พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อ มีการเจรจาเบื้องลึกเบื้องหลังกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่สำหรับการเลือกตั้งรอบหน้า นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงพรรคอื่นด้วยก็ไม่มีการพูดคุยกัน เพราะก่อนก็จะมีการพูดคุยกันเรื่องนี้น่าจะอยู่ในช่วงใกล้การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะต้องหารือกันเรื่องจุดยืน อุดมการณ์ทางการเมือง และจุดยืนในการดำเนินนโยบายต่างๆ ตอนนี้ยืนยันว่าพรรคประชาชนไม่มีทาง ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปคุย และไม่คิดจะเข้าไปคุย

เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยจะนำพรรคภูมิใจไทยออก และจะส่งผลต่อสมการทางการเมืองจนทำให้เสียงปริ่มน้ำหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ถ้ามองตัวเลขทางการเมืองก็มีความเป็นไปได้ หากมีเรื่อง 44 สส.เข้ามา แต่อย่างไรก็อยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรี ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคเพื่อไทยได้

นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังเผยถึงกรณีการเตรียมเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ช่วง 28-30 พฤษภาคม 2568 ว่า พรรคประชาชนเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่แล้ว มี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้เตรียมเนื้อหาให้กับสมาชิก ซึ่งมองว่าปัญหาคือจัดสรรงบประมาณไม่ตอบโจทย์ประเทศ ในอนาคต บริบทโลก และสถานการณ์ประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป

เมื่อถามถึงกรณี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับว่าหากสมัยวิสามัญพิจารณางบประมาณ 2569 รวมถึงร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับเสร็จสิ้นแล้ว ยังสามารถพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ต่อได้นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่าน่าจะยังเร็วเกินไป เพราะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องความเสี่ยง เรื่องฟอกเงิน ทุจริตคอร์รัปชัน การติดการพนัน รัฐบาลไม่ควรหยิบขึ้นมาในพิจารณา แม้จะถือเสียงข้างมาก พรรคเพื่อไทยน่าจะมีบทเรียนที่จะพยายามผลักดันเข้าสภาฯ แต่สุดท้ายพรรคร่วมไม่เห็นด้วย จึงไม่ควรจะรีบเร่งจนเกินไป.