“อนุสรณ์” ยันรัฐบาลมีเสถียรภาพ เสียงพรรคร่วมยังแน่น ไม่มีเงื่อนไขนำไปสู่การยุบสภา ไม่เล่นเกมการเมือง ชี้ หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ถูกคว่ำ ประชาชนเสียประโยชน์ ชี้ มติแพทยสภากรณีชั้น 14 ไม่กระทบรัฐบาล
วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวการวางแผนเตรียมการคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และความเป็นไปได้ในการยุบสภา ว่า กระแสข่าวที่ออกมาอาจเป็นเพียงความพยายามในการที่จะปั่นกระแสทางการเมืองให้เกิดความวุ่นวาย ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพ เสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นหนา ไม่มีเงื่อนไขใดนำไปสู่การยุบสภาในเวลานี้
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น เพราะต่างตระหนักดีว่าหน้าที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ดูแลค่าครองชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกนโยบายต้องขับเคลื่อนด้วยงบประมาณเป็นเครื่องมือ หากร่างงบประมาณถูกคว่ำประชาชนจะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ รัฐบาลไม่เล่นเกมการเมือง ไม่เอาอนาคตของประเทศชาติและประชาชนไปเสี่ยง ทุกฝ่ายควรร่วมกันมองไปข้างหน้า ไม่ปล่อยให้ข่าวลือหรือความพยายามดิสเครดิตรัฐบาลมากลบเสียงของความเดือดร้อนที่แท้จริง
ส่วนกรณีการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระที่ตรวจสอบการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายอนุสรณ์ ระบุว่า เป็นกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล และไม่ควรนำมาโยงกับการพิจารณางบประมาณ หรือสร้างความสับสนต่อเสถียรภาพของฝ่ายบริหาร รัฐบาลนี้เข้ามาเพื่อทำงาน ไม่ใช่เพื่อมาเล่นเกม งบประมาณคือเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนผ่านประเทศ เดินหน้านโยบายให้ถึงมือประชาชน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ แก้หนี้ และปราบยาเสพติดอย่างเป็นระบบ รัฐบาลยังมั่นคง ยังทำงานได้เต็มที่ และจะเดินหน้าครบวาระ 4 ปีตามเจตนารมณ์ที่ตั้งใจไว้
…
ขณะเดียวกัน นายอนุสรณ์ ยังเผยถึงประเด็นที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย เกี่ยวกับการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า เป็นเรื่องที่อยู่ภายใต้ดุลยพินิจและกระบวนการพิจารณาของแพทยสภา ไม่ควรถูกนำไปโยงเป็นประเด็นทางการเมือง หรือใช้สร้างวาทกรรมโจมตีรัฐบาล เพราะเป็นคนละเรื่องกับการบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวเกิดก่อนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่ โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับตำแหน่งหลังจากนายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง และไม่ควรมีใครพยายามสร้างกระแสเบี่ยงเบนหรือทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ทั้งนี้ ประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวิชาชีพเฉพาะด้าน ซึ่งมีคณะกรรมการแพทยสภากำกับดูแลอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงได้ และการที่สังคมมีการตรวจสอบอย่างเปิดเผย คือหลักฐานว่าประเทศไทยมีระบบธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง รัฐบาลไม่เคยเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยว ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เสียสมาธิจากการทำงาน นายกรัฐมนตรีมีขวัญกำลังใจที่ดี และยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่