“ทักษิณ” แข็งกร้าว “เราไม่ควรปรานีกับศัตรู” ประกาศสงครามยาเสพติดกับว้าแดง ชี้ กอ.รมน. ต้องเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนก็อยากให้ยุบ เพราะเสียดายงบ 7,000 กว่าล้าน ขออาสานายกฯ ไปเดินเล่นเสาะหาบ้านพ่อค้ายา
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาประธานอาเซียน กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568 โดยมีรัฐมนตรี นายตำรวจระดับสูง นักการเมือง และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฟังวิสัยทัศน์ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตัวแทนหน่วยงาน เป็นต้น โดยมีการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วย
นายทักษิณ ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามปัจจุบันและอนาคต คือทำลายลูกหลานเรา เยาวชนเรากำลังถูกทำลาย ไม่มีอะไรเกินมือและสมองเรา วันนี้ต่างคนต่างทำงานไปเรื่อยๆ ไม่สำเร็จขาดการบูรณาการ ที่มีทิศทางที่ชัดเจน ตนดีใจที่ได้รับเชิญ ความจริงอึดอัดอยากพูดเรื่องนี้มานาน ชาวบ้านบอกเศรษฐกิจวันนี้รอได้ แต่ยาเสพติดรอไม่ไหวแล้ว เดือดร้อนไปหมดแล้วนอนผวากันหมด เมื่อตอนตนป่วย ดูโทรทัศน์เห็นเด็กที่ไล่ฆ่าปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ตอนนั้นเกิดเรื่องที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตนได้สั่งให้ลุยเรื่องนี้ จึงอยากใช้ประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง คงไม่พูดเรื่องความหลัง แต่เป็นสิ่งที่จะต้องมาปรับกับปัจจุบัน
…


“เราไม่ควรปรานีกับศัตรู”
สมัยก่อนพ่อค้ารายใหญ่อยู่ในประเทศไทย การผลิตอยู่ต่างประเทศครึ่งหนึ่ง ไทยครึ่งหนึ่ง แต่วันนี้การผลิตแทบจะ 100% อยู่ที่ว้าแดง รู้จุดแล้วแปลว่าเฉยไม่ได้ พ่อค้ารายใหญ่หลบหนีไปอยู่ข้างบ้านหมด แต่ก็ยังมีเครือข่ายในไทย เจ้าหน้าที่แกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากรู้เรื่อง วันนี้การแก้ปัญหาต้องประยุกต์จากของเก่ากลับมาเป็นเรื่องใหม่ ทุกหน่วยงานต้องมีใจ เพราะอันตรายเหล่านี้กำลังมาถึงลูกหลานเรา
ตัวยาที่ผลิตใช้ทำยาเสพติดคือคาเฟอีน แม้จะมีหลายอย่าง ตลาดยาเสพติดใหญ่ที่สุดในเพื่อนบ้านคือประเทศไทย เพราะมีเงินที่สุด ตอนนี้มีหน่วยงานที่จัดการยาเสพติด 29 หน่วย ไม่รู้ว่ามากไปเพราะความหอมหวานของงบประมาณหรือไม่ ยาเสพติดเข้าประเทศไทยตรงๆ มาทางเรือ ด้วยคอนเทนเนอร์ ศุลกากรวันนี้มีตู้เข้ามา 6 ล้านตู้ เครื่องเอ็กซเรย์มีไม่พอ เอ็กซเรย์ไม่หมด เปิดตู้บ้าง ไม่เปิดตู้บ้าง ตั้งใจไม่เปิดตู้ก็มี ไม่รู้ คาเฟอีนลงเรือที่เขมรมาที่แหลมฉบัง วันนี้ที่เราแย่ สู้ประเทศอื่นไม่ได้ ถอยลง เพราะระบบราชการเราถูกวางไว้ต่างคนต่างทำ ขาดเจ้าภาพและวัด KPI วันนี้ต้องกลับมาเข้ามาสู่ยุคการบริหารแบบการบริหารองค์กร ที่ผ่านมาเราไม่ได้บริหาร แต่เราทำธุรกรรม คือทำให้เสร็จไปวันๆ ไม่มียุทธศาสตร์ ไม่มีเป้าหมาย
นายทักษิณ กล่าวต่อไปว่า แหล่งผลิตอยู่ในว้าแดง เขตติดต่อสามเหลี่ยมทองคำ รัฐฉาน ตนมีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านค่อนข้างดี เพราะเป็นคนแก่ที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงพยายามไล่ตามความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์ แต่บังเอิญไปไหนไม่ค่อยได้ ดังนั้นถึงเวลาที่เราจะต้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศเพื่อนบ้าน แหล่งผลิตถ้าเมียนมาบอกว่าจัดการไม่ได้เพราะเป็นชนกลุ่มน้อย เราคงต้องขอจัดการเองมั้ง เพราะมันเป็นศัตรูของเรา มันอยู่ในพื้นที่ไหน ถ้าเขาจัดการไม่ได้ เราต้องขออนุญาต วิธีจัดการของเราก็มีวิธีที่สากลรับได้ และต้องจัดการเรื่องแหล่งผลิต
“คิดว่าอีกไม่กี่เดือน 1-2 เดือนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพบปะกับเพื่อนบ้านทั้งหมด เพื่อผนึกกำลังกันให้ว้าแดง เลิกผลิตยาเสพติด ถ้าคุณยังผลิต คุณคือศัตรูของประเทศไทย เราไม่ควรมีความปรานีกับศัตรู นี่เป็นสิ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนต้องเกิดขึ้น”


ปราบยาเสพติดครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ กอ.รมน.
ขณะที่การลำเลียงผ่านชายแดนไทยไปทางลาวผ่านแม่น้ำโขง การจับเป็นปลายทาง แต่เราต้องดักจับทุกรูปแบบ ที่สำคัญต้องจบที่หมู่บ้านและชุมชน ต้องสีขาวให้ได้ ความร่วมมือของส่วนราชการสำคัญมาก สมัยก่อนตนให้เอ็กซเรย์ทุกตารางนิ้วของประเทศไทย สำคัญที่สุดตำรวจและปกครองจะต้องไปด้วยกัน จับมือกัน ต้องรักกัน ต่างคนต่างทำไม่ได้ ผู้การ กับผู้ว่าฯ นายอำเภอกับผู้กำกับ ปลัดอำเภอกับสารวัตร ทำให้เราสามารถซอยย่อยลงไป จัดการได้หมดอย่าให้พ่อค้ายาที่ทุกคนรู้หมดในชุมชนเหล่านั้น อย่าให้มันอยู่ในหมู่บ้าน ให้ไปอยู่ที่อื่น ต้องจับกุมไปอยู่ในเรือนจำ เป็นภารกิจที่สำคัญ ตนจึงขออนุญาตนายกรัฐมนตรีว่าตนว่างๆ แก่แล้ว ไม่มีอะไร จะไปต่างจังหวัด ไปดูแต่ละชุมชนว่าหมู่บ้านไหนมีเรื่องยาเสพติดจะได้มารายงานรัฐมนตรีมหาดไทยว่าขณะนี้พ่อค้ายาอยู่สบายมากเลย ทรัพย์ก็ไม่โดนยึด ขอให้รัฐมนตรีไปสืบทรัพย์หน่อยได้หรือไม่ จะเป็นคนขี้ฟ้องหน่อย เดินไปเล่นๆ และฟ้องไปเรื่อยๆ
“ที่สำคัญวันนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งมีทุกพื้นที่ โดยมี 3 ส่วนหนึ่งคือกำลังของ กอ.รมน. ส่วนที่ 2 คือกำลังของการช่วยราชการ และส่วนที่ 3 คือตามตำแหน่งงาน ซึ่งมีงบประมาณอยู่ปีละ 7,000 กว่าล้าน เอาไปใช้งานภาคใต้ 3,000 กว่าล้าน อีก 4,000 กว่าล้านใช้ทั่วไป เที่ยวนี้จะเป็นการพิสูจน์ เพราะมีคนบอกให้ยุบ กอ.รมน.ทิ้ง แต่ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะยุบหรือไม่ยุบดี ดังนั้น กอ.รมน. จะเป็นคนคิดเองว่าควรจะยุบหรือไม่ และในพื้นที่ภาคใต้และงานยาเสพติด กอ.รมน. ก็จะต้องมีบทบาทอย่างเข้มแข็ง เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคนก็จะฟ้องอีกว่าช่วยยุบเถอะ เพราะเสียดาย 7,000 กว่าล้าน”
ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการบำบัด โดยอ้างอิงว่าครั้งนั้นการปราบปรามใช้ค่ายทหารเพราะคลีนและไม่มีฉี่ม่วง แต่มีการตรวจจับพบว่ามีการกระจายเรื่องยาเสพติดไปยังนายก อบต. วันนี้จึงอยากฝากว่างบประมาณ 157,000 ล้านบาท ที่คิดว่าจะเอาไปทำอะไรนั้น เห็นว่าส่วนหนึ่งหากนำไปจัดการเรื่องปัญหายาเสพติดให้เด็ดขาดภายในสิ้นปี 2568 เชื่อว่าประชาชนจะไม่โกรธ เรื่องการเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตออกไป พร้อมเสนอแนะควรตั้งศูนย์บำบัดในแต่ละอำเภอ หรือตั้งในอำเภอที่มีความสมัครใจ จะทำให้การบำบัดผู้ติดยาเสพติดสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่การบำบัดก็ไม่เพียงพอจะต้องคลีนชุมชนให้ได้ด้วย


ชายแดนต้องเอาจัง อย่าเข้าสุภาษิต “เข้าเกียร์ว่าง..ได้ตังค์ใช้”
จากนั้นหยิบยกกรณีในสมัยก่อนสิ่งใดทำดีทำถูกต้องจะมีการให้รางวัล เช่น ค่านำจับ ขณะนั้นเศรษฐกิจดี แต่ปัจจุบันเป็นหนี้เยอะ เสนอให้จัดทำรีวอร์ดควบคู่กับการแก้ไขปัญหายาเสพติดเชื่อว่าสามารถเอาอยู่ แล้ววันนี้คิดว่า ผบ.ตร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องออกไปกินข้าวกันบ่อยขึ้น เพื่อวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจทำงานร่วมกัน ซึ่งหากตรงไหนไม่ถูกกันก็ให้เปลี่ยนที่อยู่ เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างสามัคคี ซึ่งจังหวะดังกล่าวนั้น นายอนุทินได้หันไปยิ้มและพยักหน้ากับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ
อีกทั้งเป็นห่วงกระทรวงศึกษาธิการ เพราะการให้การศึกษาความรู้กับเด็กเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีการปลูกฝังตั้งแต่ชั้นอนุบาล โดยหยิบยกการศึกษาญี่ปุ่นปลูกฝังเด็กตั้งแต่อนุบาลเรื่องการรักษาความสะอาดจนกลายเป็นวัฒนธรรม แต่วันนี้กระทรวงศึกษาของไทย อาจารย์ต้องเขียนรายงานอย่างเดียวเพื่อที่จะได้เลื่อนวิทยฐานะ จึงไม่มีเวลาสอนหรืออบรม ต้องมีการแก้ไขในชุดนี้ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ต้องเน้นเรื่องการบำบัดให้เต็มที่ อย่าคิดว่าเด็กเหล่านี้เป็นโรคจิต เพราะเด็กบางครั้งไปเจอยาที่มีปฏิกิริยากับร่างกายและไปผสมค็อกเทล กัญชาและกันชง จนทำให้เกิดภาวะทางจิตมีอาการคลั่ง ดังนั้นจะต้องให้การศึกษาเด็กควบคู่กับการบำบัดโดยกระทรวงสาธารณสุข
สำหรับการซีลชายแดน ต้องขอความร่วมมือจากทหารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการสกัดช่องทางขนส่งยาเสพติดทางธรรมชาติ ชายแดนเป็นปัญหาหนึ่งของการค้ายา ค้าอาวุธ ปัญหาค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ ขนสินค้าจากเพื่อนบ้าน วันนี้เรื่องของชายแดนต้องขอตำรวจชายแดน ทหาร และกรมศุลกากรต้องเอาจริงเอาจัง อย่าเข้าสุภาษิต “เข้าเกียร์ว่าง..ได้ตังค์ใช้” พร้อมกันนี้ฝากไปยังหัวหน้าส่วนราชการทุกคนขอให้จริงจังกับการแก้ไขปัญหา
นายทักษิณย้ำอีกว่า การปราบปรามยาเสพติดครั้งนี้ต้องไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง แต่จะต้องทำต่อเนื่อง อย่าให้มีพ่อค้ายาเสพติดเหลืออยู่ในชุมชน ให้ประกาศใครยุ่งกับยาเสพติดอย่าไปญาติดีด้วย จะต้องมีการสกัดทุกทาง วันนี้ถ้าใครยุ่งกับยาเสพติดคือศัตรูของประเทศไทย ขณะที่วันนี้ว้าแดงรวยมากและมีเครื่องมือทุกอย่าง ที่เราจับได้เยอะเพราะเราเข้มแข็งขึ้น และที่เขามีการผลิตเยอะขึ้น เพราะเขาซื้อเครื่องมือมาจากจีนซึ่งเป็นของดีหมด วันนี้เรากลับจีนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง สกัดกั้นให้ได้ เพราะถือว่านี่คือศัตรูของประเทศไทย และเราจะต้องหาข่าวให้ได้ว่าทำที่ไหน อย่างไร พิกัดไหน ถ้าจะต้องใช้ไฟฟ้าจากไทยก็จะต้องตัด จะให้ไฟฟ้าจากไทยมาใช้ผลิตยาเสพติดไม่ได้ และถ้าใช้ระบบสื่อสารจากไทยก็ต้องตัด ใครไม่ร่วมมือก็ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศตัวเอง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดหรือเป็นผู้สนับสนุน ไม่มีอะไรเกินกำลังพวกเรา


จะรับอาสานายกฯ อิ๊งค์ ไปเยี่ยมชาวบ้าน
ส่วนเรื่องภาคใต้ก็ไม่ยาก หากต้องพูดคุยกันก็พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่องหากจะต้องทุบก็ต้องทุบต้องเด็ดขาด วันนี้อย่าเหยาะแหยะ คุยก็ไม่จริงจังปราบปรามก็ไม่จริงจัง ใครจะกลัวเรา ต้องชัดเจน แล้วเราช่วยกันเอกซเรย์ทุกพื้นที่ ที่ไหนไม่มีก็ประกาศเลย อำเภอนี้สีขาว ให้รางวัลไปเลย กระทรวงมหาดไทยอาจมีระบบที่จูงใจ ตำรวจอาจมีระบบที่จูงใจ ใครทำพื้นที่สีขาวมีรางวัลมีโปรโมชั่น ทุกคนทำงานก็อยากให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ อย่าให้ประเพณีไม่ทำผิดฝังอยู่ในสังคม ถ้าเราเน้นตรงนี้พร้อมกับนำบทเรียนเก่าๆ มา ซึ่งอันเก่าตนเน้นทฤษฎีอุปสงค์อุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ตรงนี้ยังใช้ได้อยู่
นายทักษิณกล่าวต่อไปว่า วันนี้เด็กไทยโตขึ้นมาก็จะสู้เขาไม่ได้ ทั้งระบบการศึกษา ระบบเศรษฐกิจที่ทำให้ลูกหลานเรียนได้ไม่เต็มที่ หรือเทคโนโลยีที่ตามเขาไม่ทัน แต่ที่หนักสุดคือยาเสพติด ดังนั้นถ้าวันนี้ไม่ทำให้ประชาชนเข้มแข็ง เราจะแข่งขันกับเขาไม่ได้ อยากให้ทุกคนตระหนักว่ายาเสพติดคือปัญหาของชาติต้องช่วยกัน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันโดยเฉพาะมหาดไทยกับตำรวจ เอ็กซเรย์ทุกพื้นที่ และให้ชาวบ้านช่วยเฝ้าระวัง วันนี้สิ่งที่ตนยังสงสัย คือเรื่องของการติดตามเครือข่ายที่หลบหนีออกไปนอกประเทศ แต่ยังมีการติดต่อกับผู้ค้ารายย่อยในประเทศ ว่ามีข้อมูลในส่วนนี้อยู่ และจะต้องไล่บี้ให้ถึงที่สุด ตนเชื่อว่าตำรวจไทยทำได้ และตำรวจไทยจะต้องได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย ท่านปลัดต้องไปขอไม้แขวนเสื้อมาไว้ซัก 10 ไม้ ใครไม่ทำงานก็ให้มาอยู่ในไม้แขวนเสื้อ รับรองขึ้นหมดภายในไม่กี่วัน
“ตอนที่ผมอยู่นั้น ผมจะถามว่าทำได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้จะให้คนอื่นมาทำแทน ถ้าเขารู้ว่าเราจริงจัง เขาจะจริงจังตาม ผมจะรับอาสานายกฯ อิ๊งค์ ไปเยี่ยมชาวบ้าน ที่ไหนมาฟ้องผมว่าตรงไหนไม่ดี ผมจะฟ้องปลัดมหาดไทยต่อ”



